ดร.ลี จอง-คู หัวหน้าศูนย์ JW LEE Center for Global Medicine ในสังกัดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Seoul National University เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า "ขณะที่ผู้ติดเชื้อเมอร์สเริ่มแสดงอาการ พวกเขาได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ดีกว่าโดยไม่แจ้งล่วงหน้า จนส่งผลให้บุคลากรการแพทย์และครอบครัวของผู้ป่วยพลอยติดเชื้อโดยไม่มีการป้องกัน"
ดร.ลี เป็นหัวหน้าโครงการร่วมกับดร.เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงทางสุขภาพของ WHO โดยคณะทำงาน 16 รายมีแผนสรุปงานวิจัยร่วมระยะเวลา 5 วันว่าด้วยการแพร่ระบาดของเมอร์สในเกาหลีใต้ในวันเสาร์นี้
กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการของเกาหลีใต้รายงานในวันนี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 122 รายแล้ว นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 20 พ.ค. โดยเกาหลีใต้ได้กลายเป็นประเทศที่ไวรัสเมอร์สแพร่ระบาดมากที่สุดนอกซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเกิดการแพร่เชื้อไวรัสดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2555 ปัจจุบันมีรายงานผู้ติดเชื้อกว่า 1,000 รายทั่วโลก
"ในประเทศของเรา ผู้ป่วยสามารถเลือกโรงพยาบาลที่ต้องการได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน" โดยดร.ลี ชี้ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักแห่ไปโรงพยาบาลขนาดใหญ่ จนทำให้โรงพยาบาลเหล่านี้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก
ห้องฉุกเฉินส่วนใหญ่ตามโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้นั้นเต็มไปด้วยเตียงและที่นั่ง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสภายในโรงพยาบาล โดยหน่วยงานด้านสาธารณสุขระบุว่า ปัจจุบันยังไม่พบกรณีการติดเชื้อไวรัสเมอร์สนอกบริเวณโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ดร.ลียังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเพิ่มส่วนผู้ป่วยแยกเดี่ยวที่มีความดันอากาศต่ำกว่ารอบนอก รวมทั้งห้องแยกเดี่ยวสำหรับผู้ป่วยที่มีไข้สูงตามแผนกฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในโรงพยาบาล โดยห้องแยกเดี่ยวนี้ช่วยไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายออกนอกบริเวณเนื่องด้วยความดันอากาศที่แตกต่างกัน
ทางการเกาหลีใต้มีแผนแยกผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรับรองออกจากผู้ที่มีแนวโน้มติดเชื้อไปยังอีกโรงพยาบาลหนึ่ง
ดร.ลี ได้แสดงทัศนคติในเชิงบวกต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์ส เนื่องจากโรงพยาบาลเกาหลีใต้มีสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ทันสมัย
"เมื่อเทียบกับที่พบในตะวันออกกลาง กรณีติดเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคปอดบวมนั้นต่ำกว่า 50% ในเกาหลีใต้ ขณะที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 7% ต่ำกว่าระดับ 40% ในภูมิภาคตะวันออกกลาง" ดร.ลี กล่าว โดยระบุว่าเกาหลีใต้มีตัวเลขต่ำกว่าเพราะโรงพยาบาลในเกาหลีใต้มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกดีกว่า