ผู้เชี่ยวชาญชาวเม็กซิกันได้กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่สหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ถือเป็นโอกาสอันดีที่เม็กซิโกจะได้เดินหน้าความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคีเชิงยุทธศาสตร์กับชาติเอเชียแปซิฟิคในแบบฉบับของตนเอง โดยเฉพาะประเทศจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อให้สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลง TPP โดยทรัมป์กล่าวว่า การลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลง TPP "ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับแรงงานชาวสหรัฐ"
ทั้งนี้ ข้อตกลง TPP ได้เผชิญภาวะชะงักงันในสภาคองเกรส ซึ่งมีแนวโน้มไม่อนุมัติข้อตกลงดังกล่าว
ข้อตกลง TPP เป็นข้อตกลงทางการค้าที่มีสมาชิกในเอเชียแปซิฟิคเบื้องต้น 12 ประเทศ โดยมีนายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐเป็นแกนนำ ก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่จะออกคำสั่งถอนตัวจากข้อตกลง
นายเอมิลิโอ อัลวาเรซ อิคาซา นักสังคมวิทยา อดีตเลขาธิการคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งทวีปอเมริกา แสดงความเห็นว่า "ผมคิดว่าจีนและอินเดียคือโอกาสที่เราจะได้กระจายตลาด (ส่งออก) และลดการพึ่งพาสหรัฐ มันมีทางเลือกอื่นอยู่ การไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเอเชียอาจเป็นความผิดพลาดได้"
ศาสตราจารย์คาร์ลอส เอเรเดีย แห่งศูนย์การวิจัยและการสอนเศรษฐศาสตร์ (CIDE) ในกรุงเม็กซิโกซิตี้ เปิดเผยกับซินหัวว่า "ผมคิดว่าบทเรียนที่ได้หลังจากสหรัฐถอนตัวจาก TPP คือ เรารอคอยแต่สิ่งที่สหรัฐทำไม่ได้ เราต้องมียุทธศาสตร์ของตนเองโดยตั้งผลประโยชน์ของเม็กซิโกเป็นหลัก ไม่ใช่ผลประโยชน์ชาติอื่น"
เอเรเดียระบุว่า ตัวเลือกเด่นชัดสำหรับเม็กซิโกคือการหันไปพึ่งพาเอเชีย
ทางด้านนายเอนริเก ดุสเซล ปีเตอร์ส ผู้ประสานงานศูนย์การศึกษาจีน-เม็กซิโก มหาวิทยาลัยอิสระแห่งชาติเม็กซิโก (UNAM) มีความเห็นในทำนองเดียวกันว่า เม็กซิโกจะได้รับประโยชน์จากการกระชับความสัมพันธ์กับจีน โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน
บทสัมภาษณ์โดย เอ็ดนา อัลคันทารา จากสำนักข่าวซินหัว