นายจอห์น ฟริสบี ประธานสภาธุรกิจสหรัฐ-จีน (US China Business Council : USCBC) เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า การค้าและการลงทุนระดับทวิภาคียังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนความสัมพันธ์ซึ่งมีเสถียรภาพระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งได้รับความใส่ใจเป็นอย่างดีจากทั้ง 2 ฝ่าย
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีนชี้ให้เห็นว่า มูลค่าการค้าระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ประเทศ เพิ่มขึ้นถึง 211 เท่า จากระดับ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2522 เป็น 5.196 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2559 ขณะที่การลงทุนระดับทวิภาคีก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยตลอดระยะเวลา 38 ปีที่ผ่านมา นับจนถึงสิ้นปี 2559 ทั้งสองประเทศมีมูลค่าการลงทุนระหว่างกันทั้งสิ้นกว่า 1.7 แสนล้านดอลลาร์
นายฟริสบี กล่าวว่า "การสื่อสารระหว่างผู้นำของทั้ง 2 ประเทศมีความสำคัญต่อการจัดการกับความสัมพันธ์ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนระหว่างสหรัฐและจีน"
อย่างไรก็ดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้สนทนากันทางโทรศัพท์ในประเด็นต่างๆ เป็นเวลานานและด้วยความจริงใจเป็นอย่างมาก โดยในขณะพูดคุยกันพวกเขาเห็นพ้องว่า จะร่วมมือกันเจรจาในประเด็นต่างๆที่เป็นผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
"สภาธุรกิจสหรัฐ-จีน มีความยินดีที่ประธานาธิบดีทั้ง 2 ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์เกี่ยวกับปัญญาต่างๆในประเด็นเรื่องความสัมพันธ์" นายฟริสบีกล่าว การโทรศัพท์ในครั้งนี้เป็นการพูดคุยครั้งแรกของ 2 ผู้นำประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากรายงานของ USCBC พบว่า สหรัฐคาดว่า จะส่งออกสินค้ามูลค่า 5.25 แสนล้านดอลลาร์มายังประเทศจีนในปี 2573 โดยที่ส่วนแบ่งการตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% จาก 7.3% ซึ่งสะท้อนถึงขนาดตลาดที่ใหญ่มหึมาของตลาดจีนและการเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นชนชั้นกลาง
นายฟริสบีกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า บริษัทสัญชาติอเมริกันหวังว่า จีนจะก้าวไปข้างหน้าด้วยการปฏิรูปและเปิดกว้างซึ่งจะช่วยสร้างแรงผลักดันเชิงบวกให้กับทั้ง 2 ประเทศ
บริษัทอเมริกาส่วนใหญ่ยังคงมองจีนว่าเป็นตลาดที่สำคัญของพวกเขา และหวังว่า ทั้งสหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงการลงทุนระดับทวิภาคีที่มีมาตรฐานสูงเพื่อรับมือกับความกังวลของภาคธุรกิจจากทั้ง 2 ประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน