นายฮัมเบอร์โต จารามิลโล โรดิเกวซ ประธานกลุ่มทนายประจำเมืองตีฮัวนา ซึ่งเป็นเมืองชายแดนทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก แห่งสภาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ (Business Coordinating Council - CCE) เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า การที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในปัจจุบันนั้น ถูกจุดกระแสมาจากนโยบายกีดกันทางการค้า และการเล่นแง่กับประเทศเม็กซิโกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จนทำให้ประเทศเม็กซิโกต้องหันกลับมาทบทวนความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง และขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้เม็กซิโกเองได้หันไปมองเอเชีย
จากสถานการณ์ดังกล่าว รัฐรัฐบาฮากาลิฟอร์เนีย (Baja California) จะเป็นรัฐแรกๆที่ได้รับผลกระทบจากการควบคุมการค้าและการอพยพเข้าเมืองอันเนื่องมาจากนโยบายของนายทรัมป์ ตลอดจนผลกระทบจากการก่อสร้างกำแพงบริเวณชายแดนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นายโรดิเกวซเน้นย้ำว่า เขาต้องการเห็นประเทศเม็กซิโกให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียมากขึ้น "รัฐบาฮากาลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐเหนือสุดและตะวันตกสุดของประเทศเม็กซิโก รวมถึงประเทศเม็กซิโกเองมีโอกาสอันดีมากมายในการที่จะเข้าไปร่วมมือกับประเทศในเอเชียอย่างจีน ผมเชื่อว่าประเทศเม็กซิโกและประเทศจีนมีโอกาสทางการค้ามากมายที่จะพัฒนาร่วมกันในภายภาคหน้า อาทิ อุตสาหกรรมโทรทัศน์" เขากล่าว
“เราสามารถส่งสินค้าต่าง ๆ จากเมืองชายฝั่งเอนเซนาดา ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของรัฐบาฮากาลิฟอร์เนียไปยังประเทศต่าง ๆ ในเอเชียได้ มหาสมุทรแปซิฟิคช่วยเชื่อมโยงเราอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันประเทศเม็กซิโกยังสามารถเป็นจุดนำเข้าสินค้าจากเอเชียก่อนที่จะส่งออกไปยังตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทในแถบเอเชียด้วย" เขาเน้นย้ำ
สำหรับตลาดอเมริกาเหนือซึ่งประกอบไปด้วย ประเทศแคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐนั้น มีมูลค่าผลผลิตโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 19 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีประชากรรวม 474 ล้านคน
ในขณะที่ CCE และสภาธุรกิจเม็กซิโกนั้นได้เสนอโครงการ Force Mexico ที่มุ่งกระตุ้นความแข็งแกร่งในด้านต่าง ๆ ของประเทศให้กับประธานาธิบดีเอนริเก เปนา นิเอโต แล้ว ซึ่งนายนิเอโตเองก็รับรู้ได้ถึงความตึงเครียดระหว่างประเทศเม็กซิโกและสหรัฐดี และมุ่งแสวงหาจุดร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐ โดยเฉพาะในเรื่องข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างแคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐ ที่มีมานานถึงสองทศวรรษ
เอดนา อัลคานตารา และ นิ รุยจี สำนักข่าวซินหัว รายงาน