นายโทมัส เกวโนล นักรัฐศาสตร์และศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Sciences Po University ชาวฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในครั้งนี้ อาจจะออกมาเหนือความคาดหมายของโพลล์ต่างๆเนื่องจากบรรยากาศการแข่งขันยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
"ยังมีผู้ลงคะแนนอีกเป็นจำนวนมากที่ยังคงไม่ได้ตัดสินใจ และยังมีผู้ลงคะแนนส่วนหนึ่งที่อาจเปลี่ยนใจได้ในภายหลัง ผมคิดว่า ผลสำรวจมีแนวโน้มว่าจะออกมาแตกต่างจากผลการเลือกตั้งจริง หลังจากที่มีการลงคะแนนเสร็จสิ้น"
การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะเริ่มต้นในวันที่ 23 เม.ย. โดยมีผู้สมัครทั้งสิ้น 11 รายลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งถ้าหากไม่มีผู้สมัครรายใดได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ บรรดาผู้ที่มีคะแนนเลือกตั้งสูงสุดจะต้องเข้าสู่การเลือกตั้งผู้สมัครรอบสุดท้ายในวันที่ 7 พ.ค.
นายเกวโนลกล่าวว่า "การเลือกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างคาดเดายาก เนื่องจากผู้ลงคะแนนเสียงมีพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงที่ไม่แน่นอน โดยมักจะทำการตัดสินใจช้า และมีความลังเลนานกว่าเดิม อีกทั้งยังมีท่าทีต่อต้านพรรคที่ไม่คุ้นเคยน้อยลงกว่าเดิมมาก"
ดังนั้น โพลล์สำรวจผลการเลือกตั้งในสภาวะที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้ อาจเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง และการคาดการณ์ผลการเลือกตั้งที่ออกมาล่วงหน้าก่อนวันจริงเป็นระยะเวลาหลายเดือนหรือหลายสัปดาห์นั้น มีแนวโน้มที่จะคลาดเคลื่อนสูง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผลสำรวจของ Odoxa ระบุว่า ประชาชนชาวฝรั่งเศสจำนวนเกินครึ่งยังคงไม่ได้ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนผู้สมัครคนใด หลังจากที่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเป็นสิ่งที่คาดเดายาก
อย่างไรก็ดี ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงกว่า 74% เปิดเผยว่า จะเดินทางไปลงคะแนนที่เขตเลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งรอบแรกนี้
การเลือกตั้งครั้งนี้จะแตกต่างจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2555 ซึ่งในช่วงนั้นเป็นการแข่งขันอย่างชัดเจนระหว่างประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี จากฝ่ายอนุรักษ์นิยม และนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ จากฝ่ายสังคมนิยม ในขณะที่การเลือกตั้งปี 2560 นี้ยังคงยากต่อการคาดเดา
ความประหลาดใจต่างๆได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีออลลองด์ตัดสินใจว่าจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวฉาวคดีฉ้อโกงโจมตีนางมารีน เลอเปน ผู้นำพรรคฝ่ายขวาจัดอีกด้วย ส่วนนายฟรองซัวส์ ฟิยง จากพรรคอนุรักษ์นิยมก็มีกระแสโจมตีจากการจ้างสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้คะแนนนิยมของผู้สมัครอิสระอย่างนายเอ็มมานูเอล มาครองพุ่งขึ้น
ผลสำรวจล่าสุดจากหลายสำนักระบุว่า นายมาครองอาจชนะการเลือกตั้งในรอบแรก ขณะที่นางเลอเปนจะมีคะแนนรองเป็นอันดับที่ 2 โดยผู้ที่มีคะแนนนำสองอันดับแรกจะเข้าสู่การเลือกตั้งรอบสุดท้ายในวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งคาดว่า นายมาครองจะได้รับคะแนนเสียงนำหน้านางเลอเปนในที่สุด
ทั้งนี้ นายเกวโนลแสดงความเห็นว่า นายมาครองเป็นผู้สมัครที่มีแนวโน้มว่าจะชนะไปโดยปริยาย แม้ว่าจะเป็นผู้สมัครอายุน้อยที่สุด และไม่เคยได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งใดๆมาก่อน อีกทั้งยังขาดสเน่ห์และมีจุดยืนที่ไม่ชัดเจนว่าจะอยู่ฝ่ายซ้ายหรือขวา
"ณ วันนี้ นายมาครองเป็นผู้ที่มีแนวโน้มว่าสามารถชนะการเลือกตั้งได้โดยปริยาย เนื่องจากผู้สมัครจากฝ่ายขวาจัดถูกกระแสโจมตีจากประเด็นคอร์รัปชั่นและการเล่นพรรคเล่นพวก ในขณะเดียวกันก็เกิดการแบ่งแยกขึ้นภายในพรรคของฝ่ายซ้าย
เมื่อถูกคำถามว่า นางเลอเปนจะสามารถสร้างความประหลาดใจโดยการชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ท่ามกลางกระแสประชานิยมได้หรือไม่ นายเวโนลตอบว่า ผู้นำพรรคฝ่ายขวาจัดรายนี้ มีแนวโน้มว่าจะแพ้การเลือกตั้ง
"นางมารีน เลอเปนไม่มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ ด้วยเหตุผลง่ายๆที่ว่า จำนวนผู้ลงคะแนนเสียงที่พร้อมจะลงคะแนนให้ใครก็ได้ในรอบที่สองซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งนั้น จะเทคะแนนไปให้อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อโค่นเอาชนะเลอเปน"