ที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ ของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำเยอรมนี เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนประเทศเยอรมนีของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน จะช่วยผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าในระดับทวิภาคีของทั้งสองประเทศ
"ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศมีความมั่นคงมาโดยตลอด การเดินทางเยือนเยอรมนีของนายกฯหลี่ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในด้านเศรษฐกิจและการค้า และจะช่วยผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-เยอรมนี" นายหวาง เหว่ยตง ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวในระหว่างการเดินทางเยือนเยอรมนีอย่างเป็นทางการเป็นเวลาสองวันของนายกรัฐมนตรีจีน
นายหวางกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีหลี่เดินทางไปเยือนประเทศเยอรมนี เนื่องจากภัยถูกคุกคามจากการขยายตัวของนโยบายกีดกันการค้าที่กำลังแพร่กระจายออกไปทั่วโลก และเน้นว่า ทั้งจีนและเยอรมนีได้แสดงความชัดเจนว่าจะร่วมมือกันสนับสนุนการเปิดเสรีทางการค้าและอำนวยความสะดวกให้กับการลงทุน รวมทั้งให้การสนับสุนนข้อตกลงด้านการลงทุนระหว่างอียู-จีน ตลอดจนพัฒนาความร่วมมือด้านการค้าเสรีระหว่างจีนและสหภาพยุโรป
นายหวางคาดหวังว่า เยอรมนีจะยังคงดำเนินบทบาทเชิงบวกในการกระตุ้นให้อียูทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะสนับสนุนหลักการขององค์การการค้าโลก (WTO) และเดินหน้าดำเนินการตามมาตรา 15 ในการให้จีนเข้าร่วมเป็นสมาชิก WTO ตลอดจนยุติการใช้วิธีการไต่สวนข้อเท็จจริงที่กระทำขึ้นในประเทศที่สาม (surrogate country) หรือแนวทางที่คล้ายกันในการสืบสวนเพื่อตอบโต้เรื่องการทุ่มตลาดของจีน
เขาเน้นว่า "จีนและเยอรมนีควรกำหนดนวัตกรรมร่วมกันเพื่อสร้างกลไกลใหม่ในการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี"
สำหรับอนาคตของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับเยอรมนี นายหวางเชื่อว่า ความร่วมมือในด้านการค้าระดับทวิภาคี จะนำโอกาสใหม่ๆในการเติบโตมาสู่ทั้งสองประเทศ ผ่านโครงการเส้นทางเศรษฐกิจ Belt and Road Initiative และการค้าขายออนไลน์แบบไร้พรมแดน
ทั้งนี้ โครงการ Belt and Road Initiative ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้ริเริ่มเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2556 ประกอบไปด้วยการเชื่อมโยงทางบก Silk Road Economic Belt และการเชื่อมโยงทางทะเล 21st Century Maritime Silk Road โดยมีจุดมุ่งหมายในเพื่อฟื้นคืนชีพเส้นทางสายไหมในอดีต ด้วยการสร้างเครือข่ายการค้าและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกาเข้าด้วยกัน "การสำรวจตลาดที่สามร่วมกันเป็นแนวทางใหม่อีกแนวทางหนึ่งสำหรับทั้งสองประเทศ นอกจากนี้บรรดาบริษัททั้งขนาดกลางและขนาดเล็กจะมีส่วนแบ่งจากผลกำไรที่มาจากความร่วมมือระหว่างประเทศมากขึ้น" นายหวางกล่าว