นายเล เลือง มินห์ เลขาธิการอาเซียนกล่าวก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 31 ว่า จีนและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ต่างก็เป็นพันธมิตรที่สำคัญซึ่งกันและกัน
เลขาธิการอาเซียนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ""เรามีความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมใน 3 เสาหลัก ทั้งในด้านการเมือง-ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่ท้าทายมากในเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญ"
เล กล่าวว่า จีนกับอาเซียนได้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า จะขยายขอบเขตการค้าแบบ 2 ทางให้ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มการลงทุนระดับทวิภาคีให้ถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐให้ได้ภายในปี 2563 ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและจีนโดยรวมนับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ เลขาธิการอาเซียน กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายจะได้รับการสนับสนุนจากการจัดตั้งความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค (RCEP)
เขากล่าวว่า "หาก RCEP จัดตั้งขึ้นได้ ความตกลงดังกล่าวจะสร้างตลาดเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งประกอบไปด้วยชาติสมาชิกกับพันธมิตรด้านการค้าและเศรษฐกิจรายสำคัญๆของอาเซียน"
ทั้งนี้ RCEP จะประกอบไปด้วย 10 ชาติสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ และจะเป็นตลาดที่ผนวกรวมสำหรับประชากรมากกว่า 3 พันล้านคน ด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) รวมกันทั้งสิ้นมูลตาส 22.4 ล้านล้านดอลลาร์
เล กล่าวว่า "จีนมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้การเจรจาจัดตั้ง RCEP มีความคืบหน้า พร้อมเสริมว่า ทางอาเซียนเองก็มุ่งมั่นที่จะหาบทสรุปในช่วงต้นของ RCEP มาให้ได้"
อย่างไรก็ดี เลขาธิการอาเซียนได้กล่าวถึงความคาดหวังถึงความสัมพันธ์ในอนาคต โดยย้ำว่า จีนและอาเซียนได้แบ่งปันจุดยืนร่วมกันในการส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคี และการเปิดกว้างด้านนโยบาย ซึ่งจะเป็นรากฐานไปสู่ความร่วมมือมากยิ่งขึ้น
เขากล่าวว่า บรรดารัฐมนตรีเศรษฐกิจได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการสร้างระบบการค้าแบบพหุภาคี การเปิดความทางการค้า และการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิค หรือเอเปค ครั้งที่ 25 ณ ประเทศเวียดนาม ซึ่งเพิ่งจะเสร็จสิ้นไป
เลขาธิการอาเซียน สรุปว่า "เราหวังว่า จะแบ่งปันความมุ่งมั่นระหว่างกันในการสร้างภูมิภาคนิยมแบบเปิด เพื่อความร่วมมือระดับพหุภาคีที่จะเข้ามาช่วยเสริมสร้างความร่วมมือและการทำงานร่วมกัน"
บทสัมภาษณ์โดย จ่าว ฉิง และ ดาริโอ อัคโน๊ต
สำนักข่าวซินหัวรายงาน