เล็มมา เซนเบต ผู้อำนวยการบริหารของสถาบัน African Economic Research Consortium (AERC) ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า เศรษฐกิจโลกปี 2561 จะสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเมือง และผลกระทบจากภาวะโลกร้อนได้
"เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ แม้จะเกิดกระแสการต่อต้านโลกาภิวัฒน์ รวมทั้งภาวะโลกร้อน และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ" เซนเบตกล่าว
เซนเบตกล่าวว่า การที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป และการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐนั้น ได้จำกัดการเดินทางโดยอิสระของผู้คน สินค้า และบริการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก พร้อมระบุว่า ความเสี่ยงด้านการเมือง เช่นความตึงเครียดเหนือคาบสมุทรเกาหลีและตะวันออกกลาง การก่อการร้าย ภาวะโลกร้อน ความยากจน ความไม่เท่าเทียม และการบังคับให้อพยพ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่อาจจะขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้
อย่างไรก็ตาม เซนเบตเชื่อว่า สถานการณ์เหล่านี้จะคลี่คลายลงหากประชาคมโลกร่วมมือกันกำหนดมาตรการอันแข็งแกร่งที่จะช่วยสนับสนุนการรวมกลุ่ม รวมทั้งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและความรู้ความสามารถที่มีอยู่ในบรรดาผู้อพยพ
"โลกาภิวัตน์นำมาซึ่งโอกาสที่เหลือเชื่อและเพิ่มคุณค่าให้แก่เศรษฐกิจโลก การหันมาใช้เทคโนโลยีเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ในวงการเกษตรกรรม โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจสตรีเพื่อสร้างความเท่าเทียม"
เซนเบตกล่าวด้วยว่า นวัตกรรมทางการเงิน เกษตรกรรมเครื่องจักร การสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ไปจนถึงธุรกิจสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ๆ อาจเป็นสิ่งที่จะช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจให้สดใสขึ้นในปีนี้
ขณะเดียวกัน เซนเบตได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของจีนในการต่อสู้กับความท้าทายต่างๆที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญ และนำมาซึ่งความเจริญร่วมกัน
"จีนมีบทบาทสำคัญทั้งในในประเด็นการค้าโลกและปัญหาโลกร้อน ผมรู้ว่าจีนสนับสนุนระบบโลกาภิวัตน์ และจีนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาระดับโลกเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง"
นอกจากนี้ เซนเบตกล่าวว่า การมีส่วนร่วมของจีนจะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) และยุทธศาสตร์ AU Agenda 2063 ซึ่งจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน