ในขณะที่สหรัฐและจีนยังคงเจรจาเรื่องการค้ากันอยู่ แกรี่ ชาพิโร ประธานและซีอีโอของสมาคมเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค (CTA) กล่าวว่า เขาอยากจะเห็นความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนที่เป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยให้เหตุผลว่าการเรียกเก็บภาษีไม่ใช่กลไกแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
ชาพิโรกล่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซินหัวก่อนหน้างานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคนานาชาติ 2562 (Consumer Electronics Show: CES) ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นที่ลาสเวกัสตั้งแต่วันอังคารถึงวันศุกร์นี้ โดยทางสมาคมได้จัดงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นี้ขึ้นเป็นประจำทุกปีนับแต่ปี 2510
"การเรียกเก็บภาษีจากผลิตภัณฑ์ของจีนกำลังทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐและพลเมืองชาวสหรัฐเสียหายถึง 1 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน" ชาพิโรกล่าว โดยระบุว่า ข้อมูลนี้อ้างอิงจากการเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างเดือนต.ค.2561 กับเดือนต.ค.2560
ชาพิโร กล่าวว่า บริษัทในสหรัฐต่างมีความรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่ามีหนทางอื่นที่จะจัดการเรื่องนี้ เช่น การดำเนินการผ่านทางข้อตกลงการค้าทวิภาคีและพหุภาคี
ทั้งนี้ ชาพิโรได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมไว้ในแถลงการณ์ช่วงต้นเดือนธ.ค.ว่า "เรากำลังตั้งตารอดูความคืบหน้าระหว่างสหรัฐกับจีน การยกเลิกภาษีในปัจจุบันและไม่เรียกเก็บภาษีการค้าใหม่กับผลิตภัณฑ์อื่นๆเพิ่มเติม จะทำให้เราสามารถคงสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งไว้ได้ และยังสามารถสร้างงานเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความตึงเครียดจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ชาพิโรกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง CTA และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในจีนยังคงแข็งแกร่งและมีความสำคัญ
เมื่อถามว่าเขามีมุมมองอย่างไรต่อแผนการของกระทวงพาณิชย์สหรัฐที่ต้องการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีใหม่ๆ ชาพิโร กล่าวว่า ตนเองกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับนวัตกรรมของสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมือเดือนพ.ย.ว่า กระทรวงวางแผนที่จะกำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีใหม่และเทคโนโลยีพื้นฐาน 14 หมวด ซึ่งเป็น "สิ่งจำเป็น" ต่อความมั่นคงของชาติ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีขั้นสูง และเทคโนโลยีชีวภาพ
"นั่นจะจำกัดโอกาสในการส่งออกและยับยั้งการไหลเวียนของข้อมูล และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะในสหรัฐ" ชาพิโร ระบุ "นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบเท่าไร"
ทางสมาคมฯจะเปิดรับความเห็นจากสาธารณะจนถึงวันพฤหัสบดี นายชาพิโร ระบุว่า สมาคมฯกำลังวางแผนที่จะยื่นความคิดเห็นก่อนที่จะถึงเส้นตาย
สำหรับงานแสดงเทคโนโลยี CES ในปีนี้ เกือบ 14% ของพื้นที่จัดแสดงกว่า 2.9 ล้านตารางฟุต (ประมาณ 270,000 ตารางเมตร) เป็นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับจีนกว่า 1,200 แห่ง ชาพิโร ระบุ พร้อมเสริมว่า ขนาดและพื้นที่นั้น "เกือบๆจะเท่าเดิม" เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
บริษัทอย่าง อาลีบาบา ไป่ตู้ และ เจดีดอทคอม เข้าร่วมงาน CES เพื่อหวังสร้างพันธมิตรและพัฒนาความสัมพันธ์ ขณะที่บริษัทอื่นๆ เช่น ไฮเออร์ และ ไฮเซนส์ มองว่า งาน CES เป็นหนทางในการพบปะของกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขาย "ทุกบริษัทนั้นแตกต่างกัน" ชาพิโรระบุ "บริษัทเหล่านี้ต้องการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ในงานนี้"
ธีมหลักของงานแสดงเทคโนโลยี CES ในปีนี้ ได้แก่ 5G, AI, วอยซ์อินเตอร์เฟส, บล็อกเชน, เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนและความเป็นจริงเสมือน การแพทย์ดิจิทัล เมืองอัจฉริยะ และการขับขี่ด้วยตนเอง
งานแสดงเทคโนโลยีในปีนี้ ตั้งเป้าที่จะดึงดูดบริษัทจัดแสดงสินค้ากว่า 4,400 แห่งและสตาร์ทอัพกว่า 1,200 บริษัท "นี่นับเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา" ชาพิโรกล่าว