นายเซาราบห์ กุปตา นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันเพื่อการศึกษาจีน-อเมริกาซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตันดีซี ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ณ กรุงปักกิ่งที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการเจรจาที่สร้างความคืบหน้าอันเป็นประโยชน์ และคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถลดความเห็นต่างในประเด็นการแก้ไขความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ
"ผมขอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ผมเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยที่มักจะมองว่าข้อตกลงที่ทำขึ้นระหว่างสองฝ่ายเป็นเรื่องที่สามารถทำให้ชัดเจนได้ ผมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่าจีนและสหรัฐมีความเคลื่อนไหวไปในทิศทางบวกในเรื่องนี้ ผมรู้สึกได้ว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีมุมมองที่แตกต่างกันตามที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้าใจ" นายกุปตากล่าว
ผู้เชี่ยวชาญรายดังกล่าวยังระบุว่า นโยบายการลงทุนสำหรับต่าชาติของจีน "ไม่เป็นปัญหามากนัก" แม้มีการเรียกร้องให้จีนเปิดเสรีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการยกระดับการแข่งขัน
เขากล่าวว่า "การดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนสำหรับต่างชาติจีนบางข้อก็เป็นปัญหา แต่เรื่องที่ว่า การดำเนินนโยบายเหล่านี้ได้นำไปสู่การโจรกรรมเม็ดเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์นั้น เป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือนโดยกลุ่มเคลื่อนไหวในสหรัฐ"
"การเจรจาการค้าในครั้งนี้ถือเป็นความคืบหน้าอันเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายความวิตกกังวลต่างๆ อย่างที่ผมกล่าวไปว่า ช่องว่างระหว่างสองฝ่ายไม่ได้ห่างกันอย่างที่ข่าวประโคมกัน ผมคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถลดช่องว่างความแตกต่างระหว่างกันได้มากขึ้น" นายกุปตากล่าว
นายกุปตากล่าวอีกว่า "ทั้งสองฝ่ายประสบความสำเร็จอย่างมากในประเด็นการเข้าถึงตลาด รวมถึงการอนุมัติสินค้าประเภทเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร ซึ่งช่วยให้การเจรจามีทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น"
"เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ธนาคารโลกเพิ่งปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2562 ซึ่งปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกมากที่สุดในขณะนี้คือ ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ดังนั้น ทั้งสองประเทศซึ่งเป็นผู้เล่นรายสำคัญของเศรษฐกิจโลก จึงมีหน้าที่ในการทำให้ความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนกลับมาสู่สภาวะปกติและมีประสิทธิภาพ" นายกุปตากล่าว
ส่วนแนวโน้มระยะยาวของการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนนั้น นายกุปตาแสดงความเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว จีนไม่ได้ดำเนินนโยบายที่ขัดแย้งกันระหว่างการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจแผนใหม่และการเปิดกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดเสรีด้านนโยบายการลงทุนสำหรับต่างชาติในภาคสินค้าและการบริการ
"การเปิดเสรีเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งจะช่วยเพิ่มศัยภาพด้านการผลิต และลดปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาหนี้สิน เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเติบโตแบบที่ต้องพึ่งพาการลงทุนมากเกินไป" นายคุปตากล่าว
ทั้งนี้ จีนและสหรัฐได้จัดการประชุมระดับผู้ช่วยรัฐมนตรีเพื่อหารือในประเด็นเศรษฐกิจและการค้าตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง