นายเดวิด แลมป์ตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสหรัฐของจีนกล่าวว่า การสร้างทางรถไฟเพื่อเชื่อมโยงจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นกลยุทธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเขาขนามนามจีนว่าเป็น "มหาอำนาจด้านการเชื่อมต่อ"
"เป็นความจริงที่โลกต้องการโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น" นายแลมป์ตัน นักวิชาการด้านการวิจัยที่ศูนย์วิจัยเอเชีย-แปซิฟิก โชเรนสไตน์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว
ปัจจุบันนายแลมป์ตันมีโครงการจัดทำหนังสือที่มุ่งเน้นไปที่ความพยายามของจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงและทางรถไฟธรรมดาระหว่างจีนตอนใต้และประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายแห่งรวมถึงประเทศสิงคโปร์ โดยงานของเขาเกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์และการวิจัยภาคสนามใน 8 ประเทศ
"สร้างถนนแล้วการเติบโตทางเศรษฐกิจจะตามมา ดังนั้นคนที่เชื่อเช่นนั้นก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็น "กลยุทธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน'" นายแลมป์ตันกล่าว โดยนายแลมป์ตันยังเป็นศาสตราจารย์ด้านจีนศึกษาและผู้อำนวยการหลักสูตรการศึกษาของจีนที่โรงเรียนการศึกษาระหว่างประเทศขั้นสูงมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้นส์ด้วย
การได้ร่วมงานทั้งกับผู้นำภาครัฐและเอกชนของสหรัฐและจีนนั้น ทำให้นายแลมป์ตันมีประสบการณ์มายาวนานในการเป็นบุคคลแถวหน้าที่พยายามส่งเสริมความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างสหรัฐและจีน
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งอย่างต่อเนื่อง
ไชน่า เรลเวย์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางรถไฟชั้นนำของจีนระบุว่า จีนมีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงที่กำลังขยายตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีความยาวรวมทั้งสิ้น 29,000 กิโลเมตร ณ สิ้นปี 2561 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของทางรถไฟความเร็วสูงทั้งหมดทั่วโลก
นายแลมป์ตันเชื่อว่า จีนจะมีบทบาทมากขึ้นในโลกพหุภาคี ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสถาบันใหม่ๆที่ริเริ่มโดยจีน เช่น ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB)
นอกจากนี้ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรจำนวนมากที่เดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง
" จีนสามารถเร่งอัตราการเติบโตได้" นายแลมป์ตันกล่าว "เรามีผู้คนที่ย้ายสถานะเข้ามาอยู่ในชนชั้นกลางอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขาในเชิงเศรษฐกิจ ก็จะดีสำหรับเราด้วย"