นักวิชาการอาวุโสของสหรัฐได้กล่าวแสดงความเห็นว่า การเจรจาการค้ารอบล่าสุดระหว่างสหรัฐและจีน ส่งสัญญาณเชิงบวก และยังสะท้อนให้เห็นว่า ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างสองประเทศนั้น สามารถหาทางออกได้
"สิ่งที่น่าประทับใจก็คือ จีนและสหรัฐพยายามหาทางประสานความคิดเห็นที่แตกต่าง นี่เป็นสัญญาณเชิงบวกที่ทั้งสองประเทศกำลังส่งถึงสาธารณชน" นายซัวราบห์ กุปตา นักวิชาการอาวุโสประจำสถาบันการศึกษาจีน-สหรัฐซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว
การประชุมด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนและสหรัฐเมื่อวันที่ 10-11 ต.ค. ณ กรุงวอชิงตันนั้น มีความคืบหน้าอย่างมากในหลายประเด็น เช่น การเกษตร การคุ้มครองสิทธิของทรัพย์สินทางปัญญา อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา การบริการทางการเงิน การขยายตัวของการค้า และการโอนถ่ายเทคโนโลยี
นายกุปตาได้เน้นย้ำถึงการที่จีนเดินหน้าเปิดกว้างภาคการเงิน และยังกล่าวด้วยว่า ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันกันระหว่างจีนและสหรัฐสามารถหาทางออกได้ในขณะนี้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของบริษัทบริการด้านการเงินของจีนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งครอบคลุมถึงบริษัทจัดการกองทุน บริษัทโบรกเกอร์ และบริษัทซื้อขายสัญญาล่วงหน้า
"นี่เป็นเรื่องที่ดี เพราะจีนเปลี่ยนจากประเทศเศรษฐกิจที่เน้นการผลิตและการลงทุน ไปสู่การมุ่งเน้นด้านการบริการและการบริโภค ภาคบริการทางการเงินจึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเป็นตัวกลางที่เชื่อมต่อการเงินทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจ" นายกุปตากล่าว พร้อมเสริมว่า "ปัจจัยนี้จะช่วยให้รูปแบบใหม่ทางเศรษฐกิจของจีนขับเคลื่อนไปข้างหน้า"
นายกุปตายังกล่าวด้วยว่า "นักลงทุนจากสหรัฐมีความกระตือรือร้นอย่างมากที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจและทำงานในตลาดจีน เนื่องจากนักลงทุนเหล่านี้ยังคงมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลางและระยะยาว และใช้ประโยชน์จากจีนในฐานะเป็นศูนย์กลางในการผลิต"
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติจีนระบุว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีบริษัทต่างชาติเข้าสู่ตลาดจีนกว่า 27,000 ราย และมีการใช้เงินทุนต่างชาติกว่า 6 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 8.47 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ