นายเวย์น หวง ประธานสถาบันการศึกษาเชิงพาณิชย์แห่งนิวซีแลนด์กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีนเป็นขั้นตอนการปฏิบัติในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งช่วยหนุนบรรยากาศในตลาดต่างๆ และสนับสนุนการค้าโลก
นายหวงกล่าวขณะที่เขาแสดงความเห็นเกี่ยวกับความคืบหน้าอย่างมากของจีนและสหรัฐที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาการค้ารอบล่าสุดว่า ตลาดทุนทั่วโลกซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจมหภาค ปรับตัวขึ้นทันทีรับข่าวดังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้
รัฐบาลจีนเปิดเผยแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จีนและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงด้านเศรษฐกิจและการค้าเฟสแรก โดยตกลงกันในหลักการด้านความเท่าเทียมและการเคารพซึ่งกันและกัน
เขากล่าวว่า ที่ผ่านมานั้น ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจและประชาชนของทั้งจีนและสหรัฐ นอกเหนือไปจากการส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดคาดว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ที่ระดับ 3% ในปี 2562 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยปรับลดลง 0.3% จากการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
นายหวงกล่าวว่า ข้อพิพาทการค้ายังทำให้นิวซีแลนด์ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ใกล้ชิดกับจีน
นายหวงตั้งข้อสังเกตว่า ภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนทางการค้าที่ยืดเยื้อได้ส่งผลกระทบกับการลงทุนในสินค้าประเภททุน ทำให้ตลาดปั่นป่วน และทำให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง เนื่องจากเกิดภาวะชะงักงันในห่วงโซ่อุปทาน
นายหวงได้กล่าวย้ำว่า การพัฒนาของจีนในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมานั้น มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจโลกขยายตัว และมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ นายหวงยังกล่าวด้วยว่า "การปฏิบัติในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่า การพัฒนาอย่างสันติของจีนไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อโลก แต่เป็นรากฐานของความมีเสถียรภาพ และเป็นแรงผลักดันการขยายตัว"