เมื่อเทียบกับคำปราศัยแบบชาตินิยมของอาเบะ ที่ไม่เพียงทำให้ประเทศเพื่อนบ้านของญี่ปุ่นต้องขุ่นเคืองเท่านั้น แต่ยังทำให้ทั่วโลกวิตกไปด้วย ดังนั้น เป้าหมายหลักที่เศรษฐกิจญี่ปุ่น จึงเป็นจุดยืนที่สมเหตุสมผลของรัฐบาลในขณะนี้
อาเบะเสนอนโยบายการคลังและการเงินหลายแบบ โดยหวังพลิกภาวะเงินฝืดและฟื้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนธันวาคม แผนการของเขาถูกขนานนามว่า “อาเบะโนมิคส์" และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งขยายตัวในไตรมาสแรกของปี 2556 ที่อัตรา 4.1% ต่อปี ตรงข้ามกับปีที่แล้วที่ 3.6%
แต่งานของนายกฯอาเบะยังห่างไกลจากความสำเร็จ ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นลำดับ 3 ของโลกยังต้องการการปฏิรูปเพื่อจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรังของประเทศ จากผลการสำรวจนั้น เหตุผลหลักที่ผู้ลงคะแนนเสียงชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่สนับสนุนนายอาเบะคือประสิทธิภาพในการทำงานด้านเศรษฐกิจของเขา
ตามภาษิตจีนที่ว่า “สายน้ำสามารถพยุงเรือไว้ได้ฉันท์ใด สายน้ำนี้ก็สามารถดูดกลืนเรือเข้าไปด้วยฉันท์นั้น" เช่นเดียวกันที่ผู้ลงคะแนนชาวญี่ปุ่นคงจะหันหลังให้นายอาเบะในทันที เมื่อเห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ดีขึ้น
ดังนั้น การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนายอาเบะ
แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการให้ความสำคัญด้านนโยบายของนายอาเบะ เนื่องจากนายกฯผู้นี้ได้เน้นนโยบายแบบขวาหลายครั้ง ที่เห็นได้ชัดคือ การทบทวนเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญของชาวญี่ปุ่นผู้รักความสงบ โดยเพิ่มความสามารถทางการทหาร
การพยายามทำตามวาระแบบชาตินิยมนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงคู่ค้าตึงเครียด โดยเฉพาะจีนและเกาหลีใต้ นอกจากนี้การทุ่มเทมากเกินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น เพื่อเปลี่ยนกฎหมายจะทำให้การปฏิรูปเป็นไปได้ยาก
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเช่นนี้ จะหักล้างความพยายามที่จะฟื้นฟูความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อนายอาเบะ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น
พันธมิตรทางการเมืองของอาเบะเองก็ชื่นชอบวิธีปฏิบัตินิยม นายนัตซูโอะ ยามากูชิ หัวหน้าพรรคนิว โคไมโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้กล่าวเมื่อวานนี้ว่า จะเตือนให้นายอาเบะระงับแผนการไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิในโตเกียวที่เกี่ยวพันกับสงคราม เนื่องจากเกรงว่า จะกระทบความรู้สึกเพื่อนบ้านของญี่ปุ่น
ในคืนก่อนการเลือกตั้ง นายอาเบะได้ขอให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นที่สนับสนุนเขา “สร้างความภูมิใจในประเทศ" โดยความภาคภูมิใจในชาตินั้น อยู่ที่การสร้างปาฏิหาริย์ใหม่ให้กับเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ความเคลื่อนไหวแบบขวาจัดและลัทธิทหารจะดึงให้ญี่ปุ่นกลับสู่หลุมแห่งความรุนแรงและความเกลียดชังอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้เสื่อมเสียเกียรติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่คงจะเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ลงคะแนนเสียงชาวญี่ปุ่น และต่อนายอาเบะด้วยที่จะสูญเสียทรัพยากรทางการเมืองอันจำกัดไปกับวาระแบบชาตินิยม
ในที่สุด การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายอาเบะในสมัยแรกได้จบลงอย่างน่าอับอายในปี 2550 เพราะเขาเน้นการดำเนินงานตามความทะเยอทะยานตามลัทธิชาตินิยมแบบเพ้อฝันแทนที่จะทำงานอย่างแท้จริง
หยวน เจินยู จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน