ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า แม้จะไม่มีวิธีใดที่จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจโลกได้ในทันที ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังประสบกับปัญหาการเติบโตที่ชะลอตัว และการฟื้นตัวอย่างไร้ทิศทาง แต่ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ของกลุ่ม G20 ก็ยังต้องหากลยุทธ์ร่วม เพื่อที่จะรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งนี้ไว้
รัสเซีย ซึ่งเป็นประธานในการจัดการประชุม G20 ประจำปีนี้ ได้ออกมาระบุวาระการประชุมเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นในเรื่องการผลักดันวงจรการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบใหม่ด้วยการสนับสนุนการลงทุน กระตุ้นความเชื่อมั่นตลาด และความโปร่งใส รวมถึงการพัฒนาศักยภาพด้านการกำกับดูแลเศรษฐกิจ
ปธน. วลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวถึงการประชุมในเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กที่กำลังจะมีขึ้นว่า วัตถุประสงค์หลักของ G20 ในขณะนี้คือ "การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และสมดุล" เพื่อฟื้นฟูปัญหาพื้นฐานตลาดการเงินที่ผันผวน และอัตราการว่างงานทั่วโลกที่ยังอยุ่ในระดับสูง
คเซเนีย ยูเดวา สมาชิกกลุ่ม G20 Sherpa และหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายปธน.ของรัสเซีย ระบุว่า ธรรมชาติของวงจรการเคลื่อนตัวทางเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในสาเหตุย่อยที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในยุโรป แต่การขาดแหล่งทรัพยากรใหม่ๆที่สนับสนุนการเติบโตเป็นสาเหตุสำคัญของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
คเซเนีย ยูเดวา กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า การเน้นเรื่องบทบาทของการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากการลงทุนถือเป็น "แหล่งทรัพยากรใหม่ และแหล่งทรัพยากรในระยะยาวสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด"
ผู้จัดการประชุม G20 ที่รัสเซีย กล่าวว่า "การตัดสินใจที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้" จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่แผนกลยุทธ์เพื่อการลงทุน และการเงินระยะยาวได้ถูกกำหนดไว้แล้ว และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในสมัยประชุมของออสเตรเลีย
คเซเนีย ยูเดวา ระบุว่า สำหรับตลาดเกิดใหม่นั้น การปฏิรูปโครงสร้างถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ และการเพิ่มผลผลิตด้านแรงงาน ก่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคธุรกิจที่มีศักยภาพต่ำกว่าไปสู่ภาคธุรกิจที่มีศักยภาพสูงขึ้น
ในระหว่างการประชุมระยะเวลา 2 วัน กลุ่มผู้จัดการประชุม G20 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพคาดว่า กลุ่มผู้นำระดับโลกจะให้การสนับสนุนกระบวนการปฏิรูป IMF และเพิ่มโควต้าให้กับประเทศเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่ในด้านการบริหารจัดการ IMF เพื่อสร้างสมดุลให้กับระบบการเงินโลก
ฮั่น เหลียง และหยู เหลียนเกา จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน