โอบามากล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐแมรี่แลนด์เมื่อวานนี้ว่า 5 วันนับจากนี้ไปจนถึงวันที่ 1 ต.ค. ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่ไม่มีประกันสุขภาพ เพราะถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่อยู่นอกตลาด หรือเพียงเพราะพวกเขาถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงการประกันเพราะเงื่อนไขที่มีอยู่เดิม ท้ายที่สุดชาวอเมริกันเหล่านี้จะต้องซื้อประกันสุขภาพที่มีคุณภาพและสามารถซื้อหามาได้
ชาวอเมริกันในรัฐต่างๆที่ไม่มีประกันสุขภาพ จะสามารถยื่นเรื่องขอประกันผ่านทางตลาดออนไลน์ที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นมาภายใต้กฎหมาย Affordable Care Act ซึ่งที่รู้จักกันในชื่อ โอบามาแคร์
กฎหมายที่ได้รับการอนุมัติระบุว่า ชาวอเมริกันมีเวลา 6 เดือนในการเดินเรื่อง หากไม่ต้องการถูกปรับเพราะเลี่ยงไม่ซื้อประกัน
ผู้นำสหรัฐย้ำว่า โอบามาแคร์ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสแล้ว และได้ลงนามประกาศเป็นกฎหมายเมื่อปี 2553 ศาลสูงตัดสินว่ากฎหมายเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
กฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายในการช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ไม่ทำประกันจำนวนประมาณ 30 ล้านคันให้ได้มีประกัน แต่โอบามาแคร์ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ได้จริง
การเผชิญหน้ากับปัญหาการคลัง
แม้ว่า ศาลสูงของสหรัฐจะตัดสินว่า โอบามาแคร์เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น สมาชิกวุฒิสภาของรีพับลิกันก็ยังไม่วายโหวตให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าว แต่ก็ไม่สำเร็จ
ในขณะที่ใกล้จะถึงขีดเส้นตายในการอนุมัติกฎหมายที่จะสนับสนุนเงินทุนให้กับรัฐบาล รวมทั้งการเพิ่มเพดานหนี้ แกนนำรีพับลิกันตัดสินใจที่จะผูกเงื่อนไขเรื่องการใช้กฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งเสี่ยงที่จะทำให้สหรัฐต้องปิดการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐบาลในเดือนหน้า หรือการเผชิญกับวิกฤตการผิดนัดชำระหนี้
รีพับลิกันเองรู้ว่าคงจะไม่สามารถพลิกกฎหมายของโอบามาได้ แต่แกนนำของพรรคเลือกที่จะรั้งไม่ให้มีการบังคับใช้กฎหมายได้ เพื่อที่จะเพิ่มฐานเสียงฝ่ายอนุรักษ์นิยมก่อนหน้าการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสกลางเทอมในปีหน้า
แกนนำสภาผู้แทนฯสังกัดพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า แกนนำจะผูกเรื่องการเพิ่มความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาลเข้ากับการจัดลำดับความสำคัญด้านนโยบาย ซึ่งรวมถึงการชะลอการใช้กฎหมายโอบามาแคร์เป็นเวลา 1 ปี
สมาชิกวฺฒิสภาของรีพับลิกันบางราย กล่าวว่า ยิ่งใกล้ถึงวันครบกำหนดเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายมากขึ้นเท่านั้น"
ด้านโอบามากล่าวว่า บางรายขู่ว่าจะปิดหน่วยงานของรัฐบาล หากไม่สามารถคว่ำกฎหมายฉบับนี้ และจริงๆก็มีการขู่ว่าจะล้มระบบเศรษฐกิจด้วยการปฏิเสธที่จะอนุมัติงบให้กับกฎหมายของชาวอเมริกัน หากว่าทางพรรคไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้มีการบังคับใช้กฎหมายได้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาผู้แทนฯได้อนุมัติร่างงบประมาณ เพื่อให้เงินสนับสนุนรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. โดยไม่ได้ให้วงเงินเผื่อไปถึงกฎหมายโอบามาแคร์ หากไม่มีการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณก่อนที่จะถึงวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของปีงบประมาณ 2557 แล้ว รัฐบาลสหรัฐอาจจะต้องปิดหน่วยงานบางส่วนลง
รมว.คลังสหรัฐกล่าวกับแกนนำสภาคองเกรสเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า กระทรวงคลังจะไม่มีความสามารถในการกู้ยืมไม่เกินวันที่ 17 ต.ค. และผลักดันให้คองเกรสเพิ่มเพดานหนี้ให้ทันเวลา
แบร์รี่ ไอเคนกรีน ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย University of California, Berkeley กล่าวว่า การต่อสู้กันในเรื่องการคลังนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์เป็นอย่างยิ่ง ทั้งในเรื่องของเพดานหนี้และโอบามาแคร์ที่ฝ่ายขวาของรีพับลิกันไม่เห็นด้วยกับโอบามาแคร์ แต่ก็ไม่สามารถคว่ำกฎหมายดังกล่าวได้ แต่กลับใช้เรื่องเพดานหนี้มาเล่นเกม
"เห็นได้ชัดว่า พวกเขาจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ และเรื่องนี้จะส่งสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจอย่างแท้จริง" ไอเคนกรีน กล่าวกับซินหัว
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
มุมมองของเอเวอร์กรีนนั้นสะท้อนอยู่ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์รายอื่นๆเช่นกัน มาร์ค แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมูดีส์ อนาไลติคส์ กล่าวว่า การพูดวิจารณ์อย่างรุนแรงทางการเมือง การขู่ที่จะปิดหน่วยงานรัฐ และความเป็นไปได้ที่จะไม่มีการให้การสนับสนุนทางการเงินตามเงื่อนไขนั้น ส่งผลกระทบอย่างมากทางจิตวิทยา
เศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในสภาพที่ห่างไกลจากภาวะการจ้างงานอย่างเต็มสูบ มีเหตุผลมากมายที่ทำให้เป็นเช่นนั้น รวมทั้งเรื่องการเล่นการเมืองในประเด็นงบประมาณและเพดานหนี้ แซนดีเตือน
การต่อสู้เรื่องการคลังส่งผลกระทบต่อนักลงทุน โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องถึง 5 วัน ซึ่งถือเป็นสถิติที่ปรับตัวลงติดต่อกันนานที่สุดในปีนี้
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยอัตราการขยายตัวไม่สดใสพอที่จะทำให้มีการจ้างงานจำนวนมากในอัตราการจ่ายที่สูงได้ เช่นเดียวกับการลดอัตราว่างงานที่ยังคงอยู่ที่ระดับ 7.3%
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ธนาคารกลางสหรัฐสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับนักลงทุนด้วยการคงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไป โดยให้เหตุผลเรื่องความไม่แน่นอนด้านนโยบายการคลัง
ในขณะที่นาฬิกายังคงเดินหน้า การสนับสนุนโอบามาแคร์ปรับตัวลง โพลล์ซีเอ็นเอ็น/โออาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนลที่ได้มีการเปิดเผยเมื่อต้นเดือนชี้ว่า ชาวอเมริกันเพียง 39% เท่านั้น ที่มีมุมมองที่เป็นบวกต่อโอบามาแคร์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลดลงจากระดับการสำรวจเมื่อเดือนม.ค.ที่ 51%
เจียง ซูเฟิง จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน