Analysis: ผู้เชี่ยวชาญชี้การปิดหน่วยงานสหรัฐไม่ใช่เรื่องดี แต่ผลกระทบยังอยู่ในวงจำกัด

ข่าวต่างประเทศ Thursday October 3, 2013 11:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้เชี่ยวชาญชี้ผลกระทบจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีหลังจากที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณสำหรับปีงบประมาณใหม่ได้นั้น ไม่ใช่ผลกระทบที่ใหญ่โต

อดอลโฟ ลอเรนตี รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Mesirow Financial กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า ผลพวงที่จะเกิดขึ้นตามมาคงจะไม่ใช่ผลกระทบที่รุนแรงมากนัก หากว่ารัฐบาลสามารถหาทางออกได้ภายในสัปดาห์

ลอเรนตี กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบของทั้ง 2 ฝ่ายที่ทำให้รัฐบาลต้องปิดหน่วยงานบางส่วนลงในที่สุด

นับตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐประมาณ 800,000 คน ต้องหยุดงาน และการดำเนินการของหน่วยงานที่ไม่ได้มีความสำคัญจำนวนมากต้องปิดทำการ อาทิ สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ และอนุเสาวรีย์ต่างๆ

การไม่ลงรอยกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎรภายใต้การนำของพรรครีพับลิกันและวุฒิสภาภายใต้การนำของพรรคเดโมแครตทำให้ไม่มีความแน่นอนว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลเป็นบางส่วนจะเกิดขึ้นอีกนานเท่าไร

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา โทษว่า รีพับลิกันยึดเอาเศรษฐกิจประเทศเป็นตัวประกัน และใช้การรณรงค์ที่เกี่ยวกับความคิดเห็นมาต้านกฎหมายเพื่อสุขภาพ

ลอเรนตี กล่าวว่า หน่วยงาน 60% ของรัฐบาลยังคงเปิดทำการ และปิดบริการเฉพาะในภาคส่วนที่ไม่มีความจำเป็น ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย

ลอเรนตี กล่าวต่อไปว่า ตลาดหุ้นซึมซับข่าวการปิดหน่วยงานไปแล้ว ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นประมาณ 0.5% ในช่วงปิดทำการ

ลอเรนตี กล่าวว่า หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป โดยเฉพาะจนถึงวันทื่ 17 ต.ค. ซึ่งรัฐบาลไม่มีความสามารถในการกู้เงินแล้ว ผลพวงที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น ถือว่า ใหญ่หลวงนัก ซึ่งเมื่อนั้นรัฐบาลก็จะตกอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ไปโดยปริยาย และเมื่อเป็นเช่นนี้ เศรษฐกิจและตลาดการเงินก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

ลอเรนตี กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันเป็นผลมาจากการที่ 2 พรรคการเมืองไม่ยอมประนีประนอมกัน ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวทางการเมือง ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน และหวังว่า จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อที่รัฐบาลจะได้เปิดทำการได้ในวันจันทร์หน้า

ลอเรนตี ประเมินว่า ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่วัดในแง่ของจีดีพี จะอยู่ที่ประมาณ 0.1% ซึ่งถือว่าไม่มากนัก

ด้านบิล สเตราส์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปิดหน่วยงานรัฐต่อวัน จะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก

บิลกล่าวว่า สำนักงานสถิติด้านแรงงานไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลอัตราจ้างงานเดือนก.ย.ได้ในวันศุกร์นี้ ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นมาตรวัดที่สำคัญในเรื่องความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ

บิลเห็นด้วยที่ว่า ผลกระทบจากการปิดหน่วยงานในระยะสั้นนั้น อยู่ในวงจำกัด และคงจะไม่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน

การปิดหน่วยงานรัฐบาลก่อนหน้านี้เมื่อปี 2538 และได้มีการปิดหน่วยงานเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนนั้น แตกต่างจากครั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจปัจจุบันไม่ได้มีความแข็งแกร่ง เพราะฉะนั้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจจึงมีมากกว่า บิล กล่าว

ส่วนเจมส์ แมคคลินทิค อัยการในชิคาโก้ กล่าวโทษไปทที่พรรครีพับลิกันว่า ใช้กลเกมที่อันตรายทางกฎหมายเพื่อที่จะชะลอไม่ให้มีการใช้กฎหมาย Afforadable Care Act ซึ่งได้รับการรับรองเป็นกฎหมายแล้ว ซึ่งสิ่งที่ทางพรรคได้กระทำไปนั้น ไม่ได้ส่งผลดีต่อชาวสหรัฐ

แมคคลินทิค กล่าวว่า บริการด้านอื่นๆจะส่งผลกระทบในทันทีจากการปิดหน่วยงาน ซึ่งรวมไปถึงการดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การวิจัยด้านการแพทย์และการให้วัคซีน

โดยการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลก็จะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่รัฐบาลเองจะสูญเสียซึ่งความสามารถในการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ

บทวิเคราะห์โดยเจียน ผิง จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ