ข้อมูลล่าสุดของ NBS ที่เปิดเผยในวันที่ 9 พฤศจิกายนระบุว่า สัญญาณชี้วัดในอุตสาหกรรม อาทิ การลงทุน ยอดขาย และพื้นที่ก่อสร้าง มีการเติบโตที่ลดลงในเดือนตุลาคม ขณะที่ดัชนีชี้วัดภาพรวมอุตสาหกรรมลดลงติดต่อกัน 3 เดือนจนถึงเดือนตุลาคม
ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ การลงทุนเพื่อการพัฒนาอสังาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19.2% แตะที่ระดับ 6.8 ล้านล้านหยวน เปรียบเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 19.7% การลงทุนด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 18.9% ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลดลง 19.5% เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี
การเติบโตของปัจจัยชี้วัดอื่นๆในเดือนตุลาคม อาทิ พื้นที่ก่อสร้าง และโครงการเกิดใหม่ ก็ลดลงด้วยเช่นกัน ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม พื้นที่โครงการเกิดใหม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.5% แตะที่ระดับ 1.5 พันล้านตร.ม. เปรียบเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกที่เพิ่มขึ้น 7.3%
นักวิเคราะห์ระบุว่า กิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์มักจะชะลอตัวลงในช่วงสิ้นปี และราคาอสังหาฯที่เพิ่มขึ้นในบางเมืองที่มีร้อนแรงมาก อาจเป็นปัจจัยที่จำกัดความต้องการซื้อ ข้อมูลยอดขายประจำเดือนตุลาคมสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มดังกล่าว
ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.8% แตะระดับ 959.31 ล้านตร.ม. ลดลงจากการขยายตัวที่ 23.3% ในช่วง 9 เดือนแรก ขณะเดียวกัน มูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้น 32.3% แตะระดับ 6.123 ล้านล้านหยวน เมื่อเปรียบเทียบกับ 33.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี
นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยที่ชะลอตัวลงอาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ เมื่อพิจารณาจากฤดูที่ยอดขายชะลอตัว และราคาอสังหาฯที่เพิ่มขึ้นในบางเมืองที่มีความร้อนแรง อาจเป็นปัจจัยที่จำกัดความต้องการซื้อ
นอกจากนี้ ตลาดอสังหาฯกำลังอยู่ในช่วงชะลอการซื้อ-ขาย เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายกฏระเบียบตลาดอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล
เมืองสำคัญๆของจีน อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเสิ่นเจิ้น ได้ออกมาตรการใหม่ๆเพื่อควบคุมตลาดอสังหาฯ เนื่องจากราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาทิ การปรับเพิ่มเพดานเงินดาวน์ขั้นต่ำสำหรับบ้านมือสองสำหรีบครอบครัว และกฏระเบียบการจองบ้านที่เข้มงวดขึ้น เมืองชั้นรองอย่าง นานกิง และเจิ้งโจว ก็ได้คุมเข้มกฏระเบียบในตลาดอสังหาฯด้วยเช่นกัน
ทว่าในเมืองเล็กๆกลับผ่อนคลายการควบคุมตลาดอสังหาฯ เพื่อลดจำนวนโครงการอสังหาฯที่ยังขายไม่ออกที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
จาง ต้าเหว่ย หัวหน้าฝ่ายวิจัยบริษัท เซ็นทาไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯในเมืองสำคัญกำลังขาดแคลนอุปทาน ขณะที่อุปสงค์กำลังขยายตัวขึ้น เมืองเล็กๆอย่างเมืองระดับ 3 และ 4 เริ่มมีปริมาณการซื้อขายลดลง และอุปสงค์ซบเซา
ข้อมูลจาก NBS ระบุว่า ในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมมีบ้านพร้อมขายทั้งสิ้น 453.61 ล้านตร.ม. เพิ่มขึ้น 7.26 ล้านตร.ม.จากช่วงสิ้นเดือนกันยายน
นักวิเคราะห์ระบุว่า เมืองชั้น 3 และ 4 มีปริมาณบ้านพร้อมขายเหลือเป็นจำนวนมาก
หู จิงฮุย รองประธานบริษัท 5i5j Group กล่าวว่า ภาวะอุปทานที่ไม่เพียงพอในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองสำคัญของจีน จะเริ่มรุนแรงขึ้นเนื่องจากมีพื้นที่สำหรับการก่อสร้างลดลง รวมถึงการชะลอตัวลงของโครงการใหม่ๆ และการลงทุน
เขาคาดการณ์ว่า ตลาดจะยังคงมีปริมาณการซื้อ-ขายเบาบางลง และราคาอสังหาฯจะเพิ่มขึ้นในระยเวลาสั้นๆ
ปริมาณการซื้อขายในเมืองสำคัญๆจะลดลงน้อยกว่าในเมืองชั้นรอง แต่ราคาอสังหาฯจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ในเมืองชั้น 3 และ 4 จะมีปริมาณการซื้อ-ขายลดลงอย่างเห็นได้ชัด และมีราคาทรงตัวไปจนถึงราคาถูกลง