หยาง เหว่ยหมิน รองหัวหน้าฝ่ายเศรษบกิจ และการเงินของเซ็นทรัล ลีดดิ้ง กรุ๊ป ออน ไฟแนนซ์ แอนด์ อิโคโนมิค แอฟแฟร์ส ซึ่งเป็นสถาบันกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ กล่าวว่า "การปฏิรูป เป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินใจของการประชุม โดยมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติถึง 60 รายการ ซึ่งครอบคลุม 15 ภาคส่วน ซึ่งยังไม่เคยนำมาปฏิบัติ"
การประชุมใหญ่ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) สมัยที่ 18 ซึ่งปิดฉากไปเมื่อวันอังคาร พร้อมคำแถลงการณ์ที่บอกเป็นนัยเกี่ยวกับวาระการปฏิรูปจากคำตัดสินของการประชุม ซึ่งคาดว่า จะมีการประกาศในเร็วๆนี้
หยาง เหว่ยหมิน ผู้มีส่วนในการร่างคำตัดสินใจของที่ประชุม ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวได้กำหนดเป้าหมายของการปฏิรูปในด้านต่างๆไว้ดังนี้ เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคม ระบบนิเวศน์ และการดำเนินงานของพรรคการเมือง เพื่อก่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างกว้างขวาง และครอบคลุม
การปฏิรูปในแต่ละภาคส่วน จะมีหลักปฏิบัติที่แตกต่างกันเพื่อให้เป็นไปตามทิศทางที่กำหนดไว้
การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจะนำไปสู่โครงการปฏิรูปโดยรวม ซึ่งมีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของภารกิจหลัก 15 ประการ เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลงหลังจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วมา 30 ปี เนื่องจากกำลังผลิตในอุตสาหกรรมที่มากจนเกินไป หนี้สินจำนวนมาก และความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง
การตัดสินใจของที่ประชุม จะเปิดทางให้ตลาดมีบทบาทที่แน่วแน่มากยิ่งขึ้นในด้านการจัดสรรทรัพยากร ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในวาระและเกณฑ์การประเมินการปฏิรูป ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบตลาดแบบสังคมนิยมที่มีแบบอย่างมาจากการประชุมใหญ่เมื่อ 35 ปีที่แล้ว เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แถลงการณ์ระบุว่า จีนจะพยายามถ่วงดุลบทบาทของรัฐบาล และตลาด ในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น
หยาง เหว่ยหมิน ระบุว่า อำนาจของรัฐบาลจะถูกจำกัดให้อยู่ในเรื่องการควบคุมระดับมหภาค การติดตามตลาด บริการภาคสาธารณะ การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการในสังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ถูกกระตุ้นให้มีส่วนยกระดับระบบการบริหารจัดการสังคมมากขึ้น
นอกจากนี้ วัตถุประสงค์ของการตัดสินใจของที่ประชุมยังระบุถึงกลไกด้านการคลัง และภาษี เพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลใช้งบประมาณตามหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม และสมดุล
ระบบการคลังในปัจจุบันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2537 และสืบทอดอำนาจมาสู่รัฐบาลส่วนท้องถิ่น ทั้งยังส่งเสริมการมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจระดับมหภาคของรัฐบาลกลางอีกด้วย ระบบดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุง เนื่องจากรัฐบาลส่วนท้องถิ่นหลายแห่งกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินมากมาย
รัฐวิสาหกิจ และสินทรัพย์ของรัฐจะได้รับการปฏิรูปเช่นกัน เนื่องจากที่ประชุมได้กำหนดกฏเกณฑ์ และเป้าหมายใหม่เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของธุรกิจภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การประชุมดังกล่าวยังมีการตัดสินใจที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คือ การจัดตั้งระบบติดตามและตรวจสอบเพื่อส่งเสริมการดำเนินงานด้านระบบนิเวศน์ เพื่อยับยั้ง และลงโทษผู้ที่ปล่อยมลพิษ และทำลายแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติ
ผู้นำจีนรุ่นใหม่ได้กำหนดตารางเวลาเพื่อเสริมสร้างการดำเนินการตามเป้าหมายของการปฏิรูปภายในปี 2563 และจะจัดตั้งกลุ่มผู้นำการปฏิรูปแถวหน้า เพื่อผลักดันการปฏิรูปให้ผ่านพ้นอุปสรรคด้านหนี้สิน และหลีกเลี่ยงไม่ให้จีนตกอยู่ใน "กับดักประเทศรายได้ปานกลาง"
เขากล่าวว่า "ความมุ่งมั่นเพื่อการปฏิรูป และความกล้าในการฟันฝ่าอุปสรรคด้านผลประโยชน์ เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" สำนักข่าวซินหัวรายงาน