ขณะนี้ปธน.ฝรั่งเศสอยู่ภายใต้แรงกดดันแห่งความล้มเหลวที่เขาได้ละเลยคำมั่นสัญญาที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างดีขึ้น และมีการจ้างงานมากขึ้น ทั้งนี้ เขายอมรับการลาออกของรัฐบาลที่นำโดยนายมานูเอล วาลส์ ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้ปธน.ผู้ไม่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดคนนี้มีข้อแก้ตัวในการลงเล่นการเมืองต่อไป
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิจารณ์ระบุว่า การลาออกของรัฐบาลสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกที่สร้างความอ่อนแอให้พรรคสังคมนิยม และเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีความสามารถนำพาเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของเขตยูโรโซน ให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน และมีสถานภาพการเงินที่ดีได้
ทำเนียบปธน.ระบุในแถลงการณ์ว่า จะมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นในวันอังคารนี้ตามที่นายอาร์โนด์ มองเตเบิร์ก รัฐมนตรีกลุ่มนิยมฝ่ายซ้าย ผู้ออกมาตำหนิมาตรการประหยัดอย่างเข้มงวดของเยอรมนี ได้กล่าวไว้ว่า มาตรการลดความขัดแย้งนั้นสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจในยูโรโซน
เอริค บอนเนต นักวิเคราะห์ที่บริษัทสำรวจความคิดเห็น BVA เผยว่า การตัดสินใจอย่างกระทันหันของปธน.ฝรั่งเศสที่ต้องการเปลี่ยนทีมบริหารประเทศ “อาจจะมีผลดีต่อภาพลักษณ์การเป็นรัฐบุรุษของเขา หลังจากที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นปธน.ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่" ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 17% เท่านั้น
เอริค บอนเนตให้สัมภาษณ์แก่นักข่าวซินหัวว่า “การตัดสินใจดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หากไม่สามารถสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจได้"
มานูเอล วาลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ได้รับหน้าที่ให้จัดตั้ง “รัฐบาลใหม่" เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ต่อไป “หน้าที่สำคัญของเขาประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงคำมั่นสัญญาด้านการเปลี่ยนแปลงต่างๆ การลดอัตราว่างงาน เศรษฐกิจสีเขียว และสร้างความเป็นธรรมในสังคมให้มากขึ้น"
ฟรองซัวส์ ฟียง อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสเขียนในบล็อกของเขาไว้ว่า 5 เดือนต่อมา รัฐบาลลาออก “เนื่องจากความเฉื่อยช้าของปธน."
เขายังกล่าวอีกว่า “ผมเกรงว่าปธน.จะยังคงไม่ดำเนินการใดๆแม้ว่าเขาจะต้องการแสดงอำนาจที่มีอยู่ในมือก็ตาม"
หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจตกต่ำแสดงให้เห็นแล้วว่า ฝรั่งเศสอยู่ในลำดับรั้งท้ายในกลุ่มยูโรโซนที่กำลังผลักดันการเติบโต ไม่มีความคืบหน้าที่น่าพอใจแม่แต่ในพรรคสังคมนิยมที่ซึ่งผู้ออกกฏหัวรั้รเร่งจะออกนโยบายใหม่
ตามจริงแล้วมีแนวโน้มที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคสังคมนิยมจากเสียงข้างมากในสภาจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง และมีความเสี่ยงที่การปฏิรูปของเขาจะล้มเหลวไม่เป็นท่า
นางมารีน เลอ เปิง ผู้นำพรรคเนชั่นแนล ฟร้อนท์ (FN) กล่าวกับสำนักข่าวเลอ ฟิกาโรว่า เขามองว่าการลาออกของรัฐบาลเป็น “เป็นก้าวสุดท้ายในความหายนะของรัฐบาล ตำแหน่งปธน. และนโยบายของรัฐบาล"
เธอกล่าวโดยมีการร้องขอให้สภาผู้แทนราษฎรยุบสภาว่า “การตัดสินใจ (ออลลองด์) ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงอำนาจในความเป็นจริง เขากำลังหลังชนฝา และจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆได้"
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ในวันอังคาร นายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์จะประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งอาจจะมีสมาชิกหน้าใหม่จากพรรคกรีนเข้าร่วมด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน