Analysis: ภาคเหล็กกล้าจีนมีภาระหนี้สินเพิ่ม นักวิเคราะห์แนะลดการผลิต

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 8, 2014 18:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และสำหรับบริษัทเหล็กกล้าจีนนั้น ดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ลงไปอีก

รายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของบริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าจีน ซึ่งได้ยื่นต่อตลาดหุ้นเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ผู้ผลิตเหล็กกล้าจีนที่จดทะเบียนกว่าครึ่งหนึ่ง มีหนี้สินเพิ่มขึ้นใกล้แตะระดับที่เป็นอันตรายในช่วงครึ่งปีแรก

รายงานทางการเงินเปิดเผยว่า จากผู้ผลิตเหล็กกล้าที่จดทะเบียนทั้งหมด 33 ราย มีบริษัท 18 รายที่มีสัดส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์สูงกว่า 70% โดยบริษัท Bayi Iron & Steel ในซินเจียงมีภาระหนี้สินเป็นสัดส่วนสูงสุดถึง 86.46%

นายจาง หลิน นักวิเคราะห์จาก lgmi.com เว็บไซต์บริการข่าวสารวงการเหล็กกล้า กล่าวว่า "สำหรับบริษัทเหล็กกล้าแล้ว สัดส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์สูงกว่า 70% นั้นหมายความว่า บริษัทดังกล่าวกำลังเผชิญกับปัญหาด้านเงินทุน"

นายจางคาดการณ์ว่า ปัญหาหนี้สินดังกล่าวจะย่ำแย่ลงสำหรับบริษัทเหล็กกล้า เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมนี้มักจะลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งโดยปกติจะใช้ระยะเวลานานมากกว่าที่จะสามารถทำกำไร

แม้แต่บริษัทเหล็กกล้าที่มีการดำเนินงานยอดเยี่ยมที่สุด ก็ยังมีสัดส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์สูงกว่า 60%

สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน (CISA) เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน จีนมีบริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าทั้งสิ้น 86 ราย ซึ่งมีผลผลิตเหล็กกล้าดิบ 411.91 ล้านตัน เหล็กดิบ 362.02 ล้านตัน และเหล็กกล้ารีดร้อนอีก 552.25 ล้านตันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ข้อมูลจาก CISA ระบุว่า ภาคเหล็กกล้าจีนมีปริมาณหนี้สินรวมกันกว่า 3 ล้านล้านหยวน (4.86 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ณ สิ้นเดือนมิ.ย. โดย 43% ของหนี้สินทั้งหมด หรือ 1.3 ล้านล้านหยวน เป็นเงินกู้ยืมจากภาคธนาคาร

นายซู เซียงชุน นักวิเคราะห์ด้านเหล็กกล้าจาก Mysteel.com เปิดเผยว่า ธุรกิจเหล็กกล้าจีนได้ขยายตัวรวดเร็วเกินไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่การขยายตัวดังกล่าวได้รับแรงขับเคลื่อนหลักๆจากหนี้สินที่สูงขึ้น ซึ่งมีการกู้ยืมจากธนาคารต่างๆและช่องทางการเงินอื่นๆ

หลังจากที่ภาคเหล็กกล้ามีภาระหนี้สูงขึ้น ภาคธนาคารต่างมีความวิตกในการปล่อยกู้แก่ภาคเหล็กกล้า เนื่องจากมีสัดส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์สูง จนส่งผลให้ภาวะสภาพคล่องตึงตัว

เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีน (CBRC) ได้ออกคำเตือนแก่ภาคธนาคาร ถึงความเสี่ยงในการปล่อยกู้แก่ดีลเลอร์สินแร่เหล็ก บริษัทเหล็กกล้า และภาคส่วนอื่นๆที่กำลังเผชิญกับภาวะการผลิตส่วนเกิน

และเมื่อเดือนที่แล้ว การประชุมอุตสาหกรรมเหล็กกล้านานาชาติแห่งจีนได้ประมาณการว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมเหล็กกล้าจีนมีกำลังการผลิตส่วนเกินราว 180-240 ล้านตัน

ภาวะการผลิตส่วนเกินหมายความว่า บรรดาผู้ผลิตเหล็กกล้าอย่าง Bayi Iron & Steel จำเป็นต้องตัดราคาขายแข่งกับเจ้าอื่นๆ เพื่อความอยู่รอดในภาวะแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง

นอกจากจะมีสัดส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์สูงสุดในอุตสาหกรรมแล้ว Bayi ยังเผชิญกับการขาดทุนทั้งสิ้น 719 ล้านหยวนในช่วงครึ่งปีแรก อันเนื่องมาจากอุปสงค์ที่อ่อนแรงจากภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

บริษัทได้เปิดเผยในรายงานต่อนักลงทุนว่า "ความต้องการเหล็กกล้าได้ลดลงอย่างมาก และตลาดเหล็กกล้ากำลังอ่อนแรงลง"

ข้อมูลจาก CISA เผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทเหล็กกล้าจีนมีผลกำไรรวมกัน 2.27 พันล้านหยวน ซึ่งฟื้นตัวจากไตรมาสแรกที่ขาดทุนทั้งสิ้น 2.33 พันล้านหยวน

อย่างไรก็ตาม ผลกำไรดังกล่าวเป็นผลจากรายได้จากการลงทุน 4.32 พันล้านหยวน และรายได้อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงาน 3.88 พันล้านหยวน ไม่ใช่ธุรกิจหลักที่ขาดทุน

ภายใต้แรงกดดันดังกล่าว นายซูชี้ว่า บรรดาผู้ผลิตเหล็กกล้าอาจต้องปรับลดหรือระงับการผลิต เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้

นายซูกล่าวว่า "หากเงินของพวกเขากำลังไหลออก การขายสินทรัพย์ถาวรเพื่อนำมาซึ่งสภาพคล่องในการดำเนินงาน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับบริษัทเหล็กกล้า" สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ