Analysis: วอลล์สตรีทมีแนวโน้มทะยานขึ้นในช่วงสิ้นปี คาดผันผวนมากขึ้นในปีหน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 23, 2014 14:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หลังจากที่ปรับตัวแข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์มื่อปีที่แล้ว ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้เผชิญกับอุปสรรคหลายประการในปี 2557 และมีแนวโน้มจะปิดท้ายปีนี้ด้วยการทะยานขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

ขณะที่ปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา บรรดานักวิเคราะห์คาดว่าภาวะตลาดกระทิงจะมีความต่อเนื่องในปี 2558 แต่ความผันผวนอาจจะเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ความยืดหยุ่นของตลาดส่งผลให้มีการปรับตัวดีขึ้น

ในช่วงต้นปีนี้ นักวิเคราะห์มีมุมมองบวกอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับหุ้นสหรัฐ หลังจากที่ดัชนีหุ้นที่สำคัญๆต่างปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษในปี 2556

แต่ ณ เวลาปิดทำการซื้อขายของเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ได้พุ่งขึ้น 7.4%, 12.0% และ 14.1% ตามลำดับ

ปี 2557 มีแนวโน้มอย่างมากที่จะเป็นปีแห่งการทำกำไรอีกปีหนึ่งสำหรับนักลงทุน แม้ว่าอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับปีที่แล้ว ซึ่งดัชนีหลักทั้ง 3 ตัวข้างต้น ทะยานขึ้น 26.5%, 29.6% และ 38.3% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์กล่าวว่าการทะยานขึ้นในปีนี้นับเป็นการปรับตัวที่ดีกว่าคาด เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐมีความยืดหยุ่น ท่ามกลางแรงกดดันหลายประการ

“ตลาดภายในประเทศค่อนข้างยืดหยุ่น ผมรู้สึกพอใจกับสถานการณ์ที่สดใส" นายมาร์ค นิวตัน หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านเทคนิคและหุ้นส่วนของเกรย์วูลฟ์ เอ็กซิคิวชัน พาร์ทเนอร์ส อิงค์ กล่าวกับซินหัว

หุ้นสหรัฐได้เผชิญกับความท้าทายหลายประการในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการหดตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรก อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เลวร้าย วิกฤตการเมืองในยูเครนและตะวันออกกลาง ความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การที่เฟดยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE การร่วงลงของราคาน้ำมัน รวมทั้งการดิ่งลงของค่าเงินรูเบิลรัสเซีย

หลังจากยุติ QE ในปลายเดือนต.ค. “ผมคิดว่าตลาดกำลังจะเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น" นายจอร์จ เจ คีทติ้ง กรรมการผู้จัดการบริษัทเจมส์ อี คอฟฟีย์ ซิเคียวริตีส์ อิงค์ กล่าว

“กลยุทธ์ในการ ‘ซื้อเมื่อราคาร่วงลง’ สามารถทำกำไรอย่างมากตลอดทั้งปีนี้ มุมมองเชิงลบใดๆต่อตลาดจะตามมาด้วยการเข้าซื้อ และตลาดโดยทั่วไปมองว่าธนาคารต่างๆได้สนับสนุนตลาดทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอีซีบีหรือเฟด"

"Santa Claus Rally" ส่งสัญญาณ หลังเฟดไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย

หุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากชะลอลงเล็กน้อยซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง ขณะที่นักลงทุนขานรับคำมั่นสัญญาของเฟดในการที่จะ “อดทนรอต่อไป" ก่อนที่จะเริ่มปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ หลังการประชุมกำหนดนโยบายครั้งสุดท้ายของปีนี้

การทะยานขึ้นในช่วงสิ้นปีที่มีปัจจัยกระตุ้นจากเฟด ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปรับตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.

นอกจากนี้ แนวโน้มที่แข็งแกร่งดังกล่าวยังทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีแนวโน้มจะเข้าสู่ภาวะ “Santa Claus Rally" อีกครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นระหว่างช่วงคริสต์มาสและวันปีใหม่

เทรดเดอร์กล่าวว่า “Santa Claus Rally" ได้เริ่มขึ้นแล้ว ด้วยการทะยานขึ้นอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว และต่างมีมุมมองบวกว่าตลาดอาจจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีก

“เมื่อพิจารณาตามฤดูกาล เราอยู่ในช่วงเวลาที่มีความคึกคักอย่างมากสำหรับหุ้น ในระหว่างปัจจุบันนี้จนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ผมคิดว่าหากตลาดไม่ปรับตัวลงจนทำให้เราขาดความเชื่อมั่นแล้ว เราก็จะเห็นแนวโน้มดังกล่าวมีความต่อเนื่อง และผมคิดว่าเราจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อไปในช่วงต้นปีหน้า" นายนิวตันกล่าว

นายคีทติ้งก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน โดยกล่าวว่า “เดือนธันวาคมเป็นเดือนที่มีการปรับตัวดีที่สุดของปี หากไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจมหภาค ผมคิดว่าในสิ้นปีนี้ ตลาดจะมีการซื้อขายในระดับที่สูงขึ้นต่อเนื่อง"

ภาวะตลาดกระทิงจะชะลอความร้อนแรงลงในปี 2558

เมื่อพิจารณาในปี 2558 นักวิเคราะห์ในตลาดคาดว่าภาวะตลาดกระทิงของสหรัฐจะยังคงได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้ง นโยบายผ่อนคลายของธนาคารกลางทั่วโลก

แต่นักวิเคราะห์กล่าว่า ตลาดกระทิงจะชะลอความร้อนแรงลงในปีหน้า และอาจเผชิญกับความผันผวนมากขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศคาดกันว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในราวกลางปีหน้า

“ขณะที่เราเชื่อว่ายุคของผลตอบแทนที่สูงเกินไปและความผันผวนต่ำเกินไปนั้น ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ภาวะกระทิงที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในตลาดหุ้นน่าจะมีความต่อเนื่อง" แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ระบุในรายงานแนวโน้มปี 2558 ที่เปิดเผยเมื่อต้นเดือนธ.ค.

ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์และกลยุทธ์เชิงปริมาณของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดว่าดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้นแตะ 2,200 ภายในสิ้นปี 2558 โดยมีอัตราผลตอบแทนที่ราว 6%

นายนิวตันกล่าวว่า ปัจจัยต่างๆที่จะมีความสำคัญอย่างมากสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐในปี 2558 นั้น ได้รวมถึง ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดและการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก

“ในระยะใกล้ ผมคิดว่าตลาดยังคงอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างน่าพอใจ โดยในช่วงระหว่างไตรมาส 2 และไตรมาส 3 เราจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับความอ่อนแอของตลาดที่แท้จริง" เขาตั้งข้อสังเกต

“ตลาดไม่ได้อยู่ในภาวะแข็งแกร่ง แม้ว่ายังคงมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง" เนื่องจากตลาดปรับตัวขึ้นได้เพียงเพราะมีหุ้นบางกลุ่มที่ทำนิวไฮ

โดยรวมแล้ว นายนิวตันคาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะทรงตัวหรือแม้แต่ร่วงลง 5% ในปี 2558

เขาเตือนว่า การปรับตัวโดดเด่นอย่างมากของหุ้นกลุ่มที่ไม่ปรับตัวผันผวนตามภาวะตลาดในปีนี้ นับเป็นสัญญาณเตือนว่าสถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ดีนัก

นายคีทติ้งกล่าวว่า จะเป็นเรื่องที่ยากมากในการที่ตลาดจะปรับตัวเหมือนเช่นเมื่อ 2 ปีก่อน “ผมคิดว่าคุณจะต้องรับมือกับประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และผลกระทบที่จะมีต่อตลาดและสภาพคล่อง"

เขาตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญที่สุดของตลาดหุ้นในปีหน้าก็คือ ประเด็นที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถขยายตัว 3-4% ได้หรือไม่ เพื่อที่จะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาสู่ภาวะที่ควรจะเป็น หลังจากช่วงเวลา 6 ปีนับตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงิน

ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์โดยทั่วไปเห็นพ้องกันว่าตลาดน่าจะมีความผันผวนมากขึ้นในปีหน้า

“ผมคาดว่าจะยังคงมีความผันผวนที่ระดับสูง ขณะที่เฟดจะดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน" นายคีทติ้งกล่าว

แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ เปิดเผยว่า สภาพคล่องที่ลดลง ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ขยายกว้างมากขึ้น และความผันผวนที่สูงขึ้น จะเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ 3 ประการที่นักลงทุนสามารถคาดการณ์ได้ ขณะที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีหน้า

บทวิเคราะห์โดย เจียง ฮั่นลู่ และหลิว ฟาน รายงานโดยสำนักข่าวซินหัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ