ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ธนาคารกลางจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533
ทั้งนี้ การที่ธนาคารกลางจีนตัดสินใจปรับลดสัดส่วน RRR ลง 0.5% นั้น มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้อย่างเพียงพอให้กับวิสาหกิจขนาดเล็ก รวมทั้งภาคการเกษตร และโครงการน้ำที่สำคัญๆ
ในปัจจุบัน ธนาคารรายใหญ่ของจีนจะต้องกันสำรองเงินสดเอาไว้ในสัดส่วน 20% ของเงินฝาก ขณะที่ธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กจะต้องกันสำรองในสัดส่วน 16.5%
นายหลี่ ต้าเซียว หัวหน้านักวิเคราะห์จากหยิงต้า ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า การปรับลดสัดส่วน RRR จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และจะมีประสิทธิภาพในการช่วยสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้น
ขณะที่นายลู่ เจิ้งเหว่ย หัวหน้านักวิเคราะห์จากอินดัสเทรียล แบงก์ กล่าวว่า การลดสัดส่วน RRR เป็นการรับมือกับความอ่อนแอของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนที่ 49.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งลดลง 0.3 จุด จากระดับ 50.1 ในเดือนธ.ค. โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2555 ที่ดัชนี PMI เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนเผชิญกับแรงกดดันในช่วงขาลง
ด้านนายหลู อี้ นักวิเคราะห์จากบริษัทหัวไถ่ ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า การปรับลดสัดส่วน RRR ลง 0.5% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้นั้น จะทำให้สภาพคล่องไหลเข้าสู่ระบบราว 6 แสนล้านหยวน
ขณะที่นายจู เป่าเหลียง นักวิเคราะห์จากศูนย์สารสนเทศแห่งรัฐของจีน กล่าวว่า เม็ดเงินทุนจาการปรับลด RRR จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริง และสนับสนุนการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
นอกจากนี้ นายเสิ้น เจิ้งหยาง หัวหน้านักวิเคราะห์จากนอร์ธอีสต์ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า การปรับลดสัดส่วน RRR จะส่งผลด้านบวกต่อตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มการเงิน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าหุ้นที่ซื้อขายบนกระดาน ChiNext ซึ่งมีรูปแบบการซื้อขายคล้ายกับ Nasdaq ของสหรัฐนั้น จะมีความผันผวนมากขึ้น หลังจากจีนประกาศลด RRR สำนักข่าวซินหัวรายงาน