ในขณะที่การประชุมประจำปี 2 นัดสำคัญเปิดฉากขึ้น ทั้งการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน (CPPCC) ในวันที่ 3 มี.ค. และการประชุมคณะกรรมการสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 มี.ค.นั้น เหล่านักสังเกตการณ์มองว่า จีนเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนของกระแสแห่งการปฏิรูป ซึ่งถือเป็นการรับมือกับปัญหาต่างๆนานาที่เปลี่ยนแปลงไป พีเพิ่ล เดลี่ พร้อมรายงานบทสังเกตการณ์ดังต่อไปนี้
การปฏิรูปที่รวดเร็ว
การปฏิรูปได้กลายมาเป็นวลีสำคัญของชีวิตทางการเมืองจีนนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 70 ซึ่งมาพร้อมกับนโยบายแห่งการเปิดกว้าง ก่อให้เกิดทศวรรษแห่งการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปี 2558 ถูกมองว่าเป็นปีที่สำคัญสำหรับการปฏิรูปเชิงลึกทั้งในด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ รวมทั้งการจัดเตรียมแผนแม่บทเพื่อการปฏิรูปสำหรับอนาคต
การประชุมทั้ง 2 นัดนี้ คาดว่า จะเน้นในเรื่องนโยบายด้านการปฏิรูปในด้านต่างๆที่ระบุไว้ในรายงานรัฐบาลของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี และข้อเสนอจากทางสมาชิก NPC
การปราบการทุจริต
การรณรงค์เรื่องการปราบปรามการทุจริตของจีนเปิดฉากขึ้นเมื่อเดือนธ.ค. 2555 ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศเรื่องการตรวจสอบนายหลี่ ชุนเจิง อดีตรองประธานมณฑลเสฉวน และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การรณรงค์ดังกล่าวก็ปรับโฉมหน้าพลวัตทางการเมืองและสังคมของจีน ในขณะเดียวกันผลจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็แทรกซึมสู่วิถีชีวิตประชาชน
ด้วยเหตุนี้ การบัญญัติกฎหมายเพื่อปราบปรามการทุจริต เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีผลสัมฤท์จึงคาดว่า จะเป็นประเด็นที่จะมีการหารือในการประชุมทั้ง 2 นัด
การคาดการณ์เศรษฐกิจ
ในช่วงแรกของการประชุม นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนจะกล่าวรายงานผลงานของรัฐบาล รวมทั้งเป้าหมายที่สำคัญทางเศรษฐกิจของปีนี้
โดยประเด็นที่ถูกจับตามองมากที่สุด ได้แก่ เป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศรายปี ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า จะต่ำกว่าเป้าหมายปีที่แล้วที่ 7.5% ซึ่งถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง ‘new normal" ของการขยายตัวที่ชะลอตัวลง แต่มีคุณภาพมากขึ้น
เส้นทางสายไหมสำหรับเศรษฐกิจ
ในระหว่างการเดินทางเยือนเอเชียกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อปี 2555 นั้น ผู้นำจีนได้เปิดเผยวิสัยทัศน์เรื่อง "One Belt and One Road," เพื่ออธิบายถึงโครงการที่จะสร้างเส้นทางสายไหมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21
ผู้นำจีน ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะจัดตั้งกองทุนเส้นทางสายไหม 4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการ "One Belt and One Road" เพื่อปรับปรุงเส้นทางคมนาคมและการค้าในเอเชีย และกองทุนดังกล่าวก็ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 .ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกองทุนนี้สามารถใช้งานได้แล้ว จะรอก็เพียงแต่การหาโอกาสเพื่อการลงทุน และให้บริการด้านการเงินทั่วทั้งพื้นที่เขตเศรษฐกิจและเส้นทางสายไหมดังกล่าว
นักวิเคราะห์มองว่า โครงการนี้น่าจะถูกนำมาถกเถียงกันในการประชุมทั้ง 2 นัด หลังจากที่ได้มีการวางแผน รวบรวมข้อมูล รวมทั้งวิเคราะห์ปฏิกริยาจากสาธารณะกันไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยการเตรียมในขั้นแรกเป็นไปอย่างเรียบร้อย เหลือแต่เพียงการหารือเรื่องการดำเนินการตามแบบพิมพ์เขียว ซึ่งได้มีการระบุไว้ในรายงานของรัฐบาลประจำปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน