Analysis: ผู้เชี่ยวชาญชี้เฟดคุมเข้มนโยบายการเงินกระทบจีนมากกว่า QE ของยุโรป

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 13, 2015 17:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรูเพิร์ท วิลลิส เจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนในหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและการเงินของคณะกรรมาธิการยุโรป ให้สัมภาษณ์กับซินหัวว่า จีนอาจเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มากกว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

โครงการซื้อพันธบัตรของ ECB มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืด และเพื่อหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนโดยการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากขึ้นเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์จำนวนมากมีมุมมองว่ามาตรการ QE ของ ECB อาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน โดยระบุว่า เนื่องจากยุโรปเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของจีน จีนจึงอาจต้องปรับลดค่าเงินหยวน ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม นายวิลลิสไม่ได้ให้ความสนใจกับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการ QE ของ ECB แต่กลับให้ความสำคัญกับนโยบายการเงินที่คุมเข้มของเฟดมากกว่า

“อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นของเฟดจะหมายถึงภาวะสินเชื่อที่ตึงตัวมากขึ้นสำหรับบางประเทศในเอเชีย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์สำหรับสินค้าจีน"

นักวิเคราะห์สหรัฐบางรายกล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มจะเริ่มกระบวนการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. และหลังจากนั้นจะมีการปรับขึ้นอีกในเดือนต.ค.และธ.ค.

“ในขณะนี้ ยูโรโซนกำลังแข่งขันกับจีนในด้านการส่งออก จีนอาจจะต้องทบทวนการผูกติดค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐในเร็วๆนี้ เมื่อการลงทุนภายในประเทศชะลอลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคที่อยู่อาศัย" นายแดเนียล กรอส ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานโยบายยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ กล่าวกับซินหัว

แต่นายตัน ยาหลิน อธิการบดีสถาบันวิจัยการลงทุนต่างประเทศของจีน กล่าวกับซินหัวว่า การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐไม่มีความยั่งยืน เนื่องจากจะกดดันผลประกอบการของกลุ่มผู้ส่งออกสหรัฐและบริษัทที่ดำเนินธุรกิจข้ามชาติ รวมทั้งอาจจะสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ราคานำเข้าปรับลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ