เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น รัฐบาลจีนประกาศว่าจะเริ่มแผนการรับประกันเงินฝากตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป โดยรัฐบาลจะชดเชยเงินให้กับผู้ฝาก หากธนาคารที่รับฝากเงินนั้น ไม่สามารถชำระหนี้หรือประสบภาวะล้มละลาย ซึ่งมาตรการรับประกันเงินฝากนี้ได้มีการอภิปรายมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
ทั้งนี้ เพดานการชดเชยเงินฝากอยู่ที่ 500,000 หยวน (81,500 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยจะครอบคลุมราว 99.6% ของบัญชีในระบบการธนาคารของจีน
นายฉู หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของเอชเอสบีซีกล่าวว่า "การรับประกันเงินฝากจะเป็นการปูสู่การเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น"
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะเข้ามาพยุงกิจการของธนาคารพาณิชย์และปกป้องเงินฝาก นอกจากนี้ การรับประกันเงินฝากยังสามารถลดความเสี่ยงของการแห่ถอนเงินออกจากธนาคารและควบคุมวิกฤตทางการเงินไม่ให้ลุกลามออกไป
นายฟาน เจียนผิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากศูนย์สารนิเทศของรัฐบาลจีนกล่าวว่า มาตรการรับประกันเงินฝากจะช่วยให้สถาบันการเงินมีความรับผิดชอบต่อการขาดทุนและกำไรของตนเอง ซึ่งจะทำให้ทั้งธนาคารและผู้ฝากเงินสามารถรับรู้ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญอยู่ได้มากขึ้น และมีความระมัดระวังมากขึ้น
ทางด้านสหรัฐได้ก่อตั้งบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เมื่อปีพ.ศ. 2476 เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ธนาคารหลายพันแห่งล้มละลายในช่วงทศวรรษที่ 2463 และต้นทศวรรษที่ 2473 โดยปัจจุบัน FDIC เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับในด้านการลดความเสี่ยงในระบบการเงินและปกป้องลูกค้าในสหรัฐ
"ความสำเร็จในลักษณะเดียวกันในสหรัฐและประเทศอื่นๆนั้น แสดงให้เห็นว่า การรับประกันเงินฝากสามารถรักษาเสถียรภาพด้านการเงินได้" นายเกา เฟิงฉี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าว
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านการเงินของจีน รวมถึงนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ได้ออกมาส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปี 2558 หลังจากที่ได้มีการเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปแล้วเมื่อเดือนก.ค. 2556
การประกาศใช้มาตรการรับประกันเงินฝากของจีนมีขึ้นในช่วงเวลาที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยมีรายงานว่าแพลทฟอร์มทางการเงินแบบใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์การบริหารจัดการด้านการเงินและความมั่นคั่งโดยอิงกับระบบอินเทอร์เน็ตจากบริษัทอาลีบาบาและบริษัทเทนเซนท์นั้น ได้ส่งผลให้ผู้ฝากเงินของจีนต่างพากันถอนเงินออกจากธนาคารและนำเงินไปลงทุนโดยตรง ซึ่งเป็นเหตุให้ยอดเงินฝากลดฮวบลง
จากผลกระทบของภาวะ "เม็ดเงินไหลออกนอกระบบธนาคาร (financial disintermediation)" และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ของจีนมีหนี้เสียเพิ่มขึ้นและกำไรหดตัวลง ซึ่งหากมีการเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ก็จะช่วยให้ธนาคารสามารถรับมือด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดผู้ฝากเงิน
ทั้งนี้ คาดว่าธนาคารขนาดเล็กและธนาคารเอกชนจะได้รับประโยชน์จากมาตรการรับประกันเงินฝาก ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินฝาก ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม นางเหลียน ผิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชันส์กล่าวว่า แม้ภาคธนาคารจะได้รับประโยชน์ แต่ก็คาดว่ามาตรการรับประกันเงินฝากอาจจะเป็นบททดสอบในระยะยาวสำหรับธนาคารเอกชนขนาดเล็ก สำนักข่าวซินหัวรายงาน