บริษัทแวงก์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของจีน รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ผลกำไรสุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ลดลงมากกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีน 10 รายที่ได้รับการจัดอันดับจากฟิทช์ ซึ่งรวมถึง บริษัทชั้นนำอย่างโพลี แอนด์ ไชน่า โอเวอร์ซีส์ แลนด์ ต่างก็รายงานว่าการเติบโตของยอดขายในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ติดลบ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ใหม่ชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ รัฐบาลจีนได้ปล่อยกู้มากขึ้นแก่ภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา
ธนาคารกลางจีนเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า เงินกู้สกุลเงินหยวนที่ค้างชำระในภาคอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมี.ค.มีจำนวน 18.4 ล้านล้านหยวน (3.02 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งพุ่งขึ้น 19.4% จากปีก่อน
ส่วนเงินกู้สำหรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาแตะ1.28 ล้านล้านหยวน ณ สิ้นเดือนมี.ค. ซึ่งทะยานขึ้น 64.3% เมื่อเทียบรายปี
ฟิทช์ เรทติงส์ ระบุว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการปรับตัวขาลงของภาคอสังหาริมทรัพย์กำลังแตะจุดต่ำสุดแล้ว อันเนื่องมาจากนโยบายการช่วยเหลือจากรัฐบาล เช่น การปรับลดวงเงินดาวน์ และการยกเว้นภาษีการขายบ้าน
ข้อมูลจาก Centaline Group ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์มีการขยายตัวแข็งแกร่ง หลังธนาคารกลางปรับลดสัดส่วนเงินดาวน์สำหรับบ้านหลังที่ 2 เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายบ้านที่มีราคาเฉลี่ยสูงกว่า 100,000 หยวนต่อตารางเมตร เติบโตขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบรายปี ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
นายจาง ต้าเหว่ย นักวิเคราะห์อาวุโสของ Centaline Group คาดว่ายอดขายบ้านหลังที่ 2 จะกระเตื้องขึ้นในเดือนพ.ค. จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
รายงานการดำเนินงานของรัฐบาลจีนระบุว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมในปีนี้ เพื่อฟื้นฟูภาคที่อยู่อาศัยที่ซบเซา ซึ่งพุ่งเป้าไปที่บ้านจำนวน 1 ล้านหลังในเขตชนบทของจีน และ 1 ล้านหลังในเมืองต่างๆ