“การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ราว 7% ซึ่งจีนตั้งเป้าไว้สำหรับปี 2558 น่าจะเป็นเป้าหมายของการขยายตัวสำหรับช่วงปี 2559-2563 ด้วย แต่รัฐบาลควรพยายามที่จะให้มีการขยายตัวสูงกว่า 7% “ นายหลินกล่าวในการสัมมนาที่ National School of Development (NSD) มหาวิทยาลัยปักกิ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า จีนต้องมีการขยายตัวราว 6.6% ในแต่ละปีจนถึงปี 2563 เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการหนุนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศขึ้นน 2 เท่าในช่วงระหว่างปี 2553-2563
นายหลิน ซึ่งในปัจจุบันดำรงตำแหน่งคณบดีกิตติมศักดิ์ของ NSD กล่าวว่า การที่จะเพิ่มรายได้เฉลี่ยสำหรับประชากรในเขตเมืองและเขตชนบทในช่วงทศวรรษเดียวกัน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่งนั้น จีนต้องมีการขยายตัวของประชากร 5.0% ต่อปี ซึ่งจะทำให้ GDP ต้องมีการขยายตัวรายปีที่ราว 7.1%
การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ได้ชะลอลงแตะ 7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตรการเพิ่มขึ้นรายไตรมาสที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 ขณะที่ทางการจีนได้ปรับเปลี่ยนจากยุคของการขยายตัวอย่างมาก มาสู่ยุค “ดุลยภาพใหม่"
นายหลินเตือนว่า หากเศรษฐกิจจีนยังคงชะลอความแรง ก็อาจจะมีการปลดพนักงานเพิ่มมากขึ้น และมีความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้นในหลายๆด้าน
เขาย้ำว่าจีนมีศักยภาพอย่างมากในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีช่องทางทางการเงินและการคลังที่เพียงพอในการหนุนเศรษฐกิจ
“มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จีนจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเหนือ 7% และภาวะที่เอื้ออำนวยจะไม่หายไปในช่วง 1 หรือ 2 ปี, ในช่วง 5 ปีข้างหน้า หรือแม้แต่ในระยะยาว" นายหลินกล่าว