บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีน ซึ่งรวมถึง CNPC, Sinopec Group และ CNOOC อยู่ระหว่างการศึกษาพลวัตด้านการบริโภคพลังงานของประเทศอย่างใกล้ชิด ขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินแผนการพัฒนาพลังงานระดับประเทศในช่วงปี 2559-2563
บริษัททั้ง 3 แห่งเลือกที่จะลดการผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศในระยะใกล้ และลดการลงทุนด้านการผลิตน้ำมันดิบ โดยเป็นความพยายามที่จะรับมือกับการตกต่ำของราคาน้ำมันทั่วโลก
การบริโภคก๊าซที่อ่อนแรง
นายจาง หยูฉิง รองผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานแห่งชาติของจีนกล่าวในการประชุมของสหพันธ์อุตสาหกรรมปิโตรเลียมและเคมีของจีนว่า การบริโภคก๊าซธรรมชาติของจีนในปี 2558 จะสูงกว่า 2 แสนล้านลูกบาศก์เมตรเล็กน้อย เทียบกับ 2.3 แสนล้านลูกบาศก์เมตรที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
นายจางระบุถึงผลกระทบด้านลบของราคาก๊าซธรรมชาติที่มีต่อการบริโภคในช่วงหลายปีข้างหน้า ขณะที่ทางการจีนเดินหน้าความพยายามที่จะจัดการกับมลพิษทางอากาศและใช้กลไกการกำหนดราคาก๊าซธรรมชาติที่อิงกับตลาด
ขณะเดียวกัน นายเฉียน ซิงคุน รองประธานสถาบัน CNPC Economics and Technology Research Institute คาดว่าก๊าซธรรมชาติจะเผชิญกับภาวะอุปทานส่วนเกินเร็วกว่าที่คาด ขณะที่การขยายตัวของการบริโภคได้ลดลงมาสู่ระดับเลขหลักเดียว
ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน
ภาคธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีของจีนจะเผชิญภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินที่รุนแรงมากขึ้นในช่วงทศวรรษข้างหน้าหรือหลังจากนั้น เนื่องจากการบริโภคปิโตรเลียมของประเทศจะแตะระดับสูงสุดเร็วกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ผลผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศจะยังคงมีเสถียรภาพภายในปี 2573 แม้ว่าไม่มีแนวโน้มที่จะมีการค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่
ความต้องการปิโตรเลียมของจีนจะแตะระดับสูงสุดที่ 680 ล้านตันในราวปี 2570 ขณะที่รัฐบาลพยายามใช้เชื้อเพลิงทางเลือก
นายเฉียนกล่าวว่า อุปทานส่วนเกินของผลิตภัณฑ์น้ำมันจะเพิ่มขึ้นแตะ 40 ล้านตันในปี 2563 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านตันในปี 2557
ทั้งนี้ จีนยังคงมีแหล่งทรัพยากรน้ำมันดิบจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอ่าวป๋อไห่ อ่าวทาริมและอ่าวซ่งเหลียว ขณะที่แหล่งน้ำมันดิบที่ได้รับการตวรจสอบแล้ว อาจจะเพิ่มขึ้น 845 ล้านตันโดยเฉลี่ยในแต่ละปีในช่วงตั้งแต่ปี 2558-2573 นอกจากนี้ จะมีการพบแหล่งน้ำมันดิบในพื้นผิวที่ลึกขึ้นและมีคุณภาพต่ำ