บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวกับซินหัวว่า ตลาดกรีซกำลังย่ำแย่ โดยพนักงานจำนวนมากถูกบีบให้ลาพัก ขณะที่การชำระเงินและการจัดหาอุปทานหยุดชะงัก อันเนื่องมาจากปัญหาสภาพคล่อง
นายวาสิลิส คอร์คิดิส ประธานสมาพันธ์การค้าเฮเลนนิคแห่งชาติกล่าวว่า ยังไม่มีการรายงานการปิดตัวธุรกิจหรือการเลิกจ้างงานล็อตใหญ่
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดประเด็นคำถามว่า ภาคธุรกิจจะสามารถอยู่รอดได้อย่างไร ขณะที่มีการจำกัดการถอนเงินได้เพียง 60 ยูโรต่อวัน
การนำเข้า-ส่งออก การดำเนินงานของภาคโรงงาน ธุรกิจขนาดเล็ก และการขนส่งจะหยุดชะงักลง การควบคุมเงินทุนได้ห้ามการโอนเงินไปยังต่างประเทศ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิเศษของกระทรวงการคลัง
"เศรษฐกิจของกรีซได้รับความเสียหายกว่า 1.2 พันล้านยูโรนับตั้งแต่เริ่มมีการควบคุมเงินทุน" นายคอร์คิดิสกล่าว "ภาคธุรกิจที่ยังคงมีอุปสงค์มีเพียงแค่อาหารและน้ำมันเชื้อเพลิง" พร้อมกับแนะนำว่า การใช้ระบบอี-แบงกิ้งเพื่อชำระเงินแก่ซัพพลายเออร์ในต่างประเทศและเพื่อส่งคำสั่งซื้อต่างๆอาจจะเป็นแนวทางแก้ปัญหาในระยะสั้น
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจกรีซ ก็ได้รับผลกระทบจากจากสถานการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน
นายอเล็กซานดรอส แลมนิดิส ผู้จัดการทั่วไปของของสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวกรีซ ระบุว่า "ยอดการจองจากผู้ประกอบการทัวร์ต่างชาติรายใหญ่ๆ ซึ่งได้จองล่วงหน้าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้น ไม่ได้รับผลกระทบ แต่มีการยกเลิก 30% ในการจองช่วงนาทีสุดท้าย"
ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่และอุตสาหกรรมอาหารในกรีซได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนเนื้อสด ปลา และผลิตภัณฑ์นม หากสถานการณ์ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่า ต้องใช้เวลานานมากกว่า 2 เดือนกว่าที่เศรษฐกิจจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง หากมีการบรรลุข้อตกลงประเด็นหนี้สินของกรีซแล้ว