เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สภาแห่งรัฐ หรือคณะรัฐมนตรีของจีน ได้เผยแพร่แนวทางปฏิบัติขั้นสุดท้ายว่าด้วยการลงทุนสำหรับกองทุนบำเหน็จบำนาญขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งจะเปิดทางให้กองทุนเข้าลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักของประเทศ
เหริน เซอผิง นักวิเคราะห์จากกัวไถ่ จูหนาน ซิเคียวริตีส์ เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนและสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด
ร่างแนวทางปฏิบัติที่ว่านี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากสาธารณะ โดยคาดว่าแนวทางดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในช่วงสิ้นปีนี้
ตลาดหุ้นจีนร่วงลงไปหนักกว่า 11% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแรง และเมื่อวานนี้ยังดิ่งลงอีก 8.49% ซึ่งร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2550
แนวทางปฏิบัติใหม่ระบุว่า กองทุนบำเหน็จบำนาญสามารถลงทุนในหุ้นและตราสารทุนได้ไม่เกิน 30% ของสินทรัพย์สุทธิรวม โดยกองทุนดังกล่าวมีสินทรัพย์ที่สามารถนำไปลงทุนได้ราว 2 ล้านล้านหยวน (3.268 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งตามหลักแล้วสามารถนำไปลงทุนในตลาดหุ้นได้ถึง 6 แสนล้านหยวน
ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของมูลค่าตลาดทั้งหมดของหุ้นจีนในปัจจุบัน
นายเหริน กล่าวว่า "สัดส่วนของกองทุนนั้นอยู่ในวงจำกัด ซึ่งเม็ดเงินจะไหลเข้าตลาดหุ้นทีละน้อย ดังนั้นผลกระทบในระยะสั้นจึงมีไม่มากนัก"
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์รายนี้มองว่า เมื่อประตูได้เปิดขึ้น กระแสเงินทุนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ไหลเข้าตลาดอย่างมั่นคงนั้น จะช่วยก่อให้เกิดความมั่นใจและลดการคาดการณ์ของนักลงทุนเมื่อพิจารณาถึงการลงทุนในระยะยาว
ในขณะที่นักลงทุนภาคสถาบันนั้น ถือเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นที่อิ่มตัวแล้ว แต่ 99% ของนักลงทุนหุ้นในจีนนั้นเป็นนักลงทุนรายบุคคล โดยนักลงทุนเหล่านี้มักมีการเก็งกำไรและซื้อขายบ่อยครั้งกว่าเพื่อเร่งทำเงิน ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนกว่าตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว
หุ้นจีนปรับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรงในปีนี้ โดยได้พุ่งทะยานเกือบ 60% นับตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีจนทำสถิติสูงสุดเมื่อเดือนมิ.ย. ก่อนที่จะร่วงลงอย่างหนักตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิ.ย.ถึงต้นเดือนก.ค.
ด้านนายเจิง ปิงเหวิน ผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิการสังคมจากสถาบันสังคมศาสตร์จีน (CASS) เปิดเผยว่า การเปิดทางให้กองทุนบำเหน็จบำนาญสามารถลงทุนในตลาด จะช่วยยกระดับบทบาทของนักลงทุนภาคสถาบัน อีกทั้งช่วยหนุนตลาดเงินทุน
นายเจิงอธิบายว่า เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการเสี่ยงต่อประกอบกับมีสภาพคล่องสูง กองทุนบำเหน็จบำนาญก็น่าจะถือหุ้นได้ยาวกว่า เพื่อรับผลตอบแทนในอนาคต และจะช่วยกันการเก็งกำไรและลดความผันผวน สำนักข่าวซินหัวรายงาน