ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2558 ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งปรับตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี
"ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดของจีนนับตั้งแต่ปี 2552 แต่ก็ออกมาดีเกินคาด" คุณสตีเฟน กิลฟอยล์ กรรมการผู้จัดการของดีพ แวลูเปิดเผยวานนี้
ตลาดโลกดูเหมือนแทบไม่ค่อยมีปฏิกริยาต่อข้อมูลนี้ ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เมื่อวานนี้ขยับลง 0.14% หลังจากการเปิดเผยข้อมูล GDP ดังกล่าว
"GDP จีนพัฒนามาจากฐานที่ใหญ่มาก ดังนั้นการขยายตัวแค่ 6% ก็เหมือนโตเกิน 10% เมื่อ 5 ปีที่แล้ว" คุณเบรนดัน เอเฮิร์น เจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนสูงสุดของบริษัทเครนแชร์ส (KraneShares) เปิดเผยกับสำนักงานข่าวซินหัว
วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เศรษฐกิจจีนประสบภาวะชะลอตัวลงก็จริง แต่จีนยังคงเติบโตในอัตราที่ประเทศมหาอำนาจอื่นๆต้องอิจฉา ปัจจุบันขนาดของเศรษฐกิจจีนใหญ่กว่าเมื่อ 6 ปีก่อนเกือบ 2 เท่า ซึ่งมีนัยว่าอัตราการเติบโตที่ลดลงนี้ก็ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้แก่การบริโภคและการผลิตทั่วโลก
"ความแตกต่างระหว่างแรงผลักดันเศรษฐกิจจีนแบบดั้งเดิมและกลไกที่นำพาประเทศเดินหน้า มีให้เห็นมากยิ่งขึ้น" นายเอเฮิร์นกล่าว "อุตสาหกรรมต่างๆและการผลิตยังคงเผชิญแรงต้านทานเนื่องจากเศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างอ่อนแอ แต่ว่าการบริโภคในประเทศปรับตัวดี ดังจะเห็นได้จากยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งในเดือนก.ย."
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยวานนี้ว่า ยอดค้าปลีกของจีนในเดือนก.ย.ปรับขึ้น 10.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งขยับขึ้นเล็กน้อยจากอัตราการขยายตัว 10.8% ในเดือนส.ค. และนับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีนี้
"ภาคบริการขยายตัวในอัตรากระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 3 ซึ่งนับเป็นการขยายตัวในอัตราที่เร็วขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4" เวลส์ ฟาร์โก ซีเคียวริตีส์เปิดเผยวานนี้
ขณะเดียวกัน ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตเปลี่ยนแปลงจากภาคอุตสาหกรรมไปเป็นภาคบริการ จึงเป็นประเด็นจับตาของประชาชนในวงกว้างว่านี่คือเป้าหมายเชิงนโยบายของทางการจีน และตัวเลขในช่วงที่ผ่านมาอาจได้รับการมองเป็นสัญญาณบวกเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
"การผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนเดือนก.ย.เจออุปสรรค จึงออกมาต่ำกว่าคาดการณ์" นายกิลฟอยล์กล่าว "แต่ยอดค้าปลีกเดือนของจีนในเดือนก.ย.นี้เพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2558 เมื่อเทียบรายปี"
ด้านนายเอเฮิร์นกล่าวว่า การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งคิดเป็น 48% ของ GDP จะมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นมาก
"ผมมีมุมมองบวกเป็นอย่างมาก ว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจีนมีความคุ้นเคยอย่างมากกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไข สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือการนำพาเศรษฐกิจจีนให้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่น่าลำบาก ซึ่งมีต้นตอมาจากต่างประเทศ" นายเอเฮิร์นกล่าว
บทวิเคราะห์โดย Sun Oumeng จากสำนักข่าวซินหัว