Analysis: นักเศรษฐศาสตร์ชี้จีนต้องสู้อีกนานกว่าจะพลิกฟื้นการค้าระหว่างประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 10, 2015 09:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เหล่านักเศรษฐศาสตร์ชี้จีนอยู่ที่จุดเริ่มต้นของหนทางอันยาวไกลและลำบากเพื่อที่จะพลิกฟื้นการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นมุมมองที่เป็นลบเกี่ยวกับแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นแบบฉับพลันทันใด

มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของจีนยังคงอ่อนตัวลงมาตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และร่วงลง 9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในช่วงเดือนต.ค. สู่ระดับ 2.06 ล้านล้านหยวน หรือ 3.25 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติที่ย่ำแย่กว่าสถิติเดือนก.ย.ที่ปรับตัวลง 8.8% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากดีมานด์ที่ซบเซาจากทั่วโลก ขณะที่การส่งออกปรับตัวลง 3.6% และการนำเข้าร่วงลงไป 16%

ไป่ หมิง นักเศรษฐศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า เกือบจะเป็นเรื่องที่สิ้นหวังสำหรับการทำให้การขยายตัวของการค้าระหว่างประเทศตลอดทั้งปีนี้เข้าสู่แดนบวก ตอนนี้เราควรจะแค่หวังว่า การขยายตัวจะไม่ปรับตัวลงมากไปกว่านี้

"แม้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะส่งสัญญาณที่เป็นบวกออกมาในระดับหนึ่งในด้านการจ้างงานในเขตเมืองและประสิทธิภาพการดำเนินงานนอกภาคการผลิต ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะยังไม่กระตุ้นการส่งออกของจีนได้ในทันที ยังต้องใช้เวลาอีกกว่าที่ข่าวดีๆเหล่านี้จะเห็นผล" หลิว ต่าว จากแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ กล่าว

หลิว กล่าวต่อไปว่า อัตราการขยายตัวในปีนี้หดตัวลงเมื่อเทียบกับฐานที่ใช้ในการเปรียบเทียบซึ่งอยู่ในระดับสูงจากปีที่แล้ว การส่งออกรายเดือนของจีนนั้นมีมูลค่าสูงกว่า 2 แสนล่านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว

จากข้อมูลในเดือนต.ค. เป้าหมายการขยายตัวของจีนในปี 2558 ที่ระดับประมาณ 7% นั้น ดูเหมือนว่า จะยังห่างไกล อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญอ้างว่า โครงสร้างการค้านั้นได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้วด้วยยอดการส่งออกสินค้าไฮเทคที่สูงขึ้น ขณะที่สินค้าที่เน้นการใช้แรงงานก็มีปริมาณที่ลดลง เช่น เสื้อผ้าและของเล่น

ยอดการนำเข้าในเดือนต.ค.นั้นดีขึ้น จากระดับเดือนก.ย.ที่ 20.4% ในขณะที่จีนได้ซื้อวัตถุดิบมากขึ้น เช่น น้ำมันดิบและถั่วเหลิอง แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

ในฐานะที่เป็นประเทศที่ซื้อขายสินค้ารายใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งยังเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันการเติบโต ตัวเลขต่างๆของจีนจะก่อให้เกิดความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด นับตั้งแต่วิกฤตการเงินเข้าสู่จุดย่ำแย่สุด

ในขณะที่อัตราการขยายตัวต่อปีที่ 6.5% อาจจะกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับจีนในทุกๆปี เพื่อที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปี 2553 ให้ได้ 2 เท่า และรายได้ต่อหัวทั้งสำหรับประชาชนในพื้นที่เมืองและชนบท ตลอดจนกการสร้างสังคมที่รุ่งเรืองในระดับปานกลางภายในปี 2563 นั้น ด้วยเป้าหมายเหล่านี้ เหล่านักวิเคราะห์จึงมองว่า จะมีการใช้มาตรการกระตุ้นการขยายตัวเพิ่มเติมในเร็วๆนี้

เจียง เจ้า นักวิเคราะห์จากไห่ตง ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า ยังมีโอกาสที่จะมีการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองลง และมีความเป็นได้มากขึ้นที่จะมีกระแสเงินร้อนไหลออกอันเนื่องมาจากยอดเกินดุลการค้าที่ 3.93 แสนล้านหยวนในช่วงเดือนต.ค.

ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของจีนอ่อนตัวลง 8.1% เมื่อเทียบรายปี แตะ 19.9 ล้านล้านหยวน โดยการส่งออกคิดเป็นมูลค่า 11.5 ล้านล้านหยวน ลดลงไป 2% ส่วนมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 8.47 ล้านล้านหยวน ลดลง 15.2% ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้น 75.3% แตะ 2.99 ล้านล้านหยวน

คณะรัฐมนตรีจีนได้ออกนโยบายต่างๆออกมาเพื่อกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ เช่น การเปิดตัวพื้นที่เขตการค้าเสรี โครงการนำร่องอีคอมเมิร์ซแบบข้ามแดน เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ครม.จีนได้ออกคู่มือเพื่อผลักดันหน่วยงานรัฐในทุกระดับให้ใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นการนำเข้าและส่งออกในขณะที่ประเทศต้องการเปิดตลาดและยกระดับเศรษฐกิจ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ