เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุผู้ก่อการร้ายโจมตีกรุงปารีส ทั้งในร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต และสนามกีฬา โดยใช้ยุทธิวิธีต่างๆร่วมกัน ทั้งการยิง การระเบิดฆ่าตัวตาย และการจับตัวประกัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนกว่า 140 ราย และบาดเจ็บหลายร้อยราย ขณะที่กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้
เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ฝรั่งเศสสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในซีเรีย แต่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดไม่สามารถเข้ามามีส่วนสร้างเสริมอนาคตนี้ได้"
เอซ อัลเดน คัสเซม นักวิเคราะห์ด้านการเมือง กล่าวว่า "ไม่ช้าก็เร็ว ฝรั่งเศสจะตระหนักว่าการก่อการร้ายนั้นเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ซึ่งจะไม่จำกัดอยู่แค่ในตะวันออกกลางหรือโลกอิสลามเท่านั้น และผมคิดว่าเร็วๆนี้เราจะได้ยินเสียงภายในรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งจะเรียกร้องให้เลื่อนการหารือในการปรับเปลี่ยนระเบียบทางการเมืองของซีเรียออกไปก่อน เพื่อให้ความสำคัญต่อการกำจัดกลุ่มก่อการร้ายแทน"
โอซามา ดานูรา นักวิเคราะห์อีกราย เชื่อว่ารัฐบาลฝรั่งเศสจะยกระดับปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่ม IS ซึ่งได้อ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีดังกล่าว
นายดานูรา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า "รัฐบาลฝรั่งเศสได้ประกาศกร้าวว่าจะเดินหน้าโจมตีกลุ่ม IS ทั้งในและต่างประเทศต่อไป ซึ่งนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการยกระดับปฏิบัติการโจมตีกลุ่ม IS ในอนาคตอันใกล้"
อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่าฝรั่งเศสจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศของตนในซีเรีย เพื่อให้การต่อสู้ดังกล่าวเกิดผลสำเร็จ พร้อมกับกล่าวว่าชาติตะวันตกจำเป็นต้องร่วมมือกับรัสเซียเพื่อให้การโจมตีกลุ่มก่อการร้ายเป็นไปด้วยดี
นายดานูรา ชี้ว่ารัสเซียและชาติตะวันตกมีแนวทางจัดการกับวิกฤติซีเรียที่แตกต่างกันไป โดยชาติตะวันตกได้ประกาศอย่างชัดเจนว่ากลุ่ม IS นั้นเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่จำเป็นต้องกำจัดให้หมดสิ้น อีกทั้งได้เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงด้านการปกครองในซีเรีย ขณะที่รัสเซียมองว่าผู้ก่อการกบฏหลายๆกลุ่มในซีเรียมีลักษณะคล้ายคลึงกับกลุ่ม IS ซึ่งจำเป็นต้องจัดการเช่นกัน พร้อมเสริมว่าชาวซีเรียเท่านั้นที่มีสิทธิเลือกผู้นำของตนโดยปราศจากการแทรกแซงจากต่างประเทศ
"หากชาติตะวันตกไม่ให้ความร่วมมือกับรัสเซียและยังดื้อรั้นที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองในซีเรียต่อไป นโยบายต่างประเทศก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ชาติตะวันตกควรออกมายอมรับว่า พวกเขามีส่วนให้อำนาจกับกลุ่มผู้ก่อการกบฏในซีเรีย" นายดานูรากล่าว โดยอ้างถึงผู้ก่อการกบฏบางกลุ่มที่ชาติตะวันตกมองว่าเป็นผู้ที่มีความคิดไม่รุนแรงและได้ให้การสนับสนุนต่อกลุ่มเหล่านี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกลุ่มกบฏเหล่านี้เป็นญิฮาดหัวรุนแรง
นักวิเคราะห์รายนี้เตือนว่า "หากชาติตะวันตกยังไม่ออกมายอมรับความจริง การก่อการร้ายก็ยังจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและเปิดการโจมตีได้ทุกที่"
ด้านนายอนาส จูเดห์ ผู้ต่อต้านรัฐบาลซีเรีย กล่าวว่า "การโจมตีกรุงปารีสจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงทั้งในระดับภูมิภาคและในกลุ่มประเทศพันธมิตร การโจมตีเหล่านี้จะกระตุ้นให้กับกลุ่มพันธมิตรนานาชาติเพื่อการต่อต้านการก่อการร้าย และอาจหนุนให้ชาติตะวันตกเร่งหาทางออกทางการเมืองให้กับซีเรีย"
เขากล่าวว่า เหตุโจมตีดังกล่าวอาจเป็นสะพานเชื่อมมุมมองที่แตกต่างระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียในระยะต่อไป "โดยเราอาจเห็นการผ่อนคลายความตึงเครียดบนเวทีโลกในการรับมือกับวิกฤติซีเรีย"
ชายผู้นี้มองว่า การโจมตีดังกล่าวจะเข้ามีอิทธิพลเหนือการประชุมทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการประชุมที่เวียนนาเพื่อรับมือกับวิกฤติซีเรียในขณะนี้ โดยเสริมว่าชาติตะวันตกควรดำเนินการอย่างเด็ดขาดและแน่วแน่เพื่อจัดการกับภัยก่อการร้าย
เขากล่าวว่า เหตุโจมตีอาจมีส่วนช่วยให้ชาติตะวันตกและรัสเซียมีความเห็นสอดคล้องกันมากขึ้นในการหารือที่เวียนนา และอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเมืองต่อซีเรีย
สำหรับปัญหาชาวซีเรียลี้ภัยไปยังยุโรปนั้น นายจูเดห์ กล่าวว่า "ชาวยุโรปอาจแสดงพฤติกรรมความเกลียดชังมากขึ้นต่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย ซึ่งชาวยุโรปนั้นแต่เดิมก็ได้คัดค้านการลี้ภัยของชาวซีเรียในประเทศของตนอยู่แล้ว"
ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย ซึ่งได้ออกมาประณามการก่อการร้ายในกรุงปารีสนั้น ได้กล่าวโทษนโยบายต่างประเทศของฝรั่งเศสที่ส่งผลให้การก่อการร้ายลุกลามมายังยุโรป
"ความผิดพลาดในการดำเนินนโยบายของชาติตะวันตกซึ่งรวมถึงฝรั่งเศสในภูมิภาคอาหรับนั้น ส่งผลให้การก่อการร้ายลุกลาม" ปธน.อัสซาดกล่าว พร้อมเสริมว่า การที่ชาติยุโรปได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนต่อต้านการก่อการร้ายนั้น "ไม่มีความหมายอะไร โดยพวกเขาจำเป็นต้องต่อสู้กับภัยก่อการร้ายและดำเนินนโยบายอย่างถูกต้อง"
ประธานาธิบดีซีเรียกล่าวเสริมว่า "เราไม่สามารถพูดคุยถึงความร่วมมือใดๆในระดับข่าวกรองเพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย ในขณะที่นโยบายของรัฐบาลฝรั่งเศสยังให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายเสียเอง"
ปธน.อัสซาดกล่าวว่า รัฐบาลซีเรียพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการต่อสู้กับภัยก่อการร้าย โดยชี้ว่าขณะนี้รัฐบาลฝรั่งเศสยังไม่จริงจังพอ
เขามองว่า การโจมตีกรุงปารีสไม่สามารถแยกออกจากกันได้กับเหตุระเบิดพลีชีพในกรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 40 ราย รวมถึงวิกฤติซีเรียที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาถึง 5 ปี
เขาได้เน้นถึงความสำคัญในการดำเนินนโยบายใหม่ๆที่อาจนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการสกัดการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง สกัดกั้นระบบโลจิสติกส์และการช่วยเหลือทางการเมือง จนกว่ากลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้จะหมดสิ้น
ด้านกระทรวงต่างประเทศของซีเรียก็ได้ออกมาประณามการโจมตีดังกล่าวเช่นกัน โดยชี้ว่าชาวซีเรียรู้ดีกว่าใคร เกี่ยวกับความรุนแรงของการก่อการร้ายรวม รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงปารีส พร้อมเสริมว่าการก่อการร้ายนั้นก่อให้เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อความมั่นคงและความสงบสุขทั่วโลก
กระทรวงต่างประเทศกล่าวย้ำว่า "การก่อการร้ายนั้นไม่มีขอบเขตและจะตอบโต้ผู้ที่มีส่วนสนับสนุนอย่างแน่นอน ปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของนานาประเทศเพื่อกำจัดหายนะนี้ให้หมดไป พร้อมแก้ไขนโยบายให้เป็นไปอย่างถูกต้องเพื่อให้การต่อต้านการก่อการร้ายเกิดผลสำเร็จ และรักษาความสงบสุขและความมั่นคงทั้งในภูมิภาคและระดับโลกให้ดำรงต่อไป" สำนักข่าวซินหัวรายงาน
บทวิเคราะห์โดยฮัมมาม ชีค อาลี จากสำนักข่าวซินหัว