บริเวณทิศตะวันออกของมณฑลซานตงได้แจ้งเตือนภัยระดับสีแดงเป็นครั้งแรก ใน 4 เมือง หลังจากมีการแจ้งว่า ความเข้มข้นของมลพิษ PM2.5 อาจจะเกิน 400 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 24 ชม.
การเตือนภัยดังกล่าวมีผลใช้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ ซึ่งทางการได้จำกัดปริมาณรถยนต์บนถนน พร้อมห้ามประชาชนจุดพลุและปิ้งย่างบาร์บีคิวนอกบ้าน สั่งปิดพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ประกาศให้ประชาชนลดการทำกิจกรรมกลางแจ้งและปรับลดเวลาเรียนของนักเรียน
พร้อมกันนี้ก็มีการแจ้งเตือนระดับสีนำเงินครอบคลุมมณฑลอันฮุยทั้งหมด ซึ่ง 5 เมืองในมณฑลมีดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) สูงกว่า 200 ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ส่วนอีก 36 เมืองและเขตปกครองในมณฑลประกาศเตือนภัยระดับสีเหลือง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มหมอกควันจะยังหลงเหลืออยู่ต่อไปอีก 2 วัน
สำนักงานสภาพภมิอากาศประจำมณฑลหู่เป่ย์เปิดเผยว่า เมืองต่างๆในพื้นที่ภาคกลางของมณฑลก็ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศที่กระจายตัวมาจากทางทิศเหนือเช่นกัน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่ามลพิษดังกล่าวจะไม่กระจายตัวก่อนสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ 6 เมืองในมณฑลหู่เป่ย์ติดอันดับเมืองที่มีมลพิษสูงที่สุดในเดือนพ.ย. ซึ่งทางมณฑลได้แจ้งเตือนระดับสีแดงเมื่อช่วงบ่ายของวันอังคารที่ผ่านมา ด้านมณฑลเทียนจินก็ประกาศเตือนภัยระดับดังกล่าวในวันเดียวกัน เช่นเดียวกับปักกิ่งที่ยกระดับการเตือนภัย โดยการเตือนภัยของมณฑลเทียนจินจะสิ้นสุดลงในเวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น วันนี้
ทั้ง 3 มณฑล ได้แก่ ปักกิ่ง เทียนจิน และหูเป่ย์ต้องประสบปัญหามลทางอากาศต่อเนื่องมานานกว่า 15 วัน โดยเทียนจินเผชิญภาวะดังกล่าวมายาวนานกว่า 25 วันแล้ว
เมื่อวานนี้ กระทรวงป้องกันสิ่งแวดล้อมของจีนได้ประเมินผลลัพธ์เบื้องต้นของมาตรการเตือนภัยฉุกเฉินดังกล่าว พร้อมระบุว่า ปักกิ่งสามารถลดการปล่อยมลพิษได้ 30% ระหว่างการเตือนภัยระดับสีแดง ส่วนเมืองใกล้เคียงอื่นๆก็สามารถลดปริมาณมลพิษได้ 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ