ข้อมูลจากผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดย Real Clear Politics ล่าสุด ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อภิมหาเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์ มีคะแนนนำเหนือผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครายอื่นๆ ด้วยคะแนนเฉลี่ย 15 คะแนน นอกจากนี้ โพลล์ CNN/ORC ก็ระบุว่า ทรัมป์ มีคะแนนนำไปถึง 21 คะแนน
อย่างไรก็ดี แม้ว่านายทรัมป์จะได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างท่วมท้น แต่ก็มีกระแสคาดการณ์ว่า ทรัมป์อาจจะไม่สามารถคว้าชัยศึกเลือกตั้งเมื่อต้องแข่งกับนางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต
จริงๆแล้ว ผลสำรวจของ Real Clear Politics ชี้ว่า นางคลินตันมีคะแนนนิยมแซงหน้านายปรัมป์อยู่ 6 คะแนน ซึ่งก็เป็นคะแนนที่ไม่ได้นำโด่งเหมือนกับที่คะแนนที่ทรัมป์มีเหนือผู้สมัครตัวแทนพรรครีพับลิกันรายอื่นๆ แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่า คะแนนนิยมของนางคลินตันยังคงสูงกว่าคะแนนของทรัมป์ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพรรครีพับลิกัน
นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังถูกมองว่า จะเป็นตัวแทนพรรคที่เข้าแข่งขันกับนางฮิลลารีได้ลำบากที่สุด หากเขาได้เป็นตัวแทนพรรค โดย Real Clear Politics ระบุว่า นายมาโคร รูบิโอ วุฒิสมาชิกจากรัฐฟลอริด้า มีคะแนนนิยมสูสีกับนางคลินตัน เมื่อเทียบแบบตัวต่อตัว
เมื่อเทียบแบบตัวต่อตัวแล้ว นางคลินตันมีคะแนนนิยมนำนายคริส คริสตี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซี, นายเท็ด ครูซ สมาชิกวุฒิสภารัฐเท็กซัส, นายเบน คาร์สัน อดีตศัลยแพทย์ทางสมองและเป็นผู้สมัครที่อยู่นอกวงการการเมือง และนายเจบ บุช อดีตผู้ว่าการรัฐฟลอริดา อยู่เพียงไม่ถึง 2 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นระดับคะแนนที่สูสีกัน นั่นหมายความว่า หากนายทรัมป์ไม่ได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอาจตกเป็นของอีกฝ่าย
นายแดร์เรส เวสต์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถาบัน Brooking Institution เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า "นายทรัมป์มีคะแนนตามหลังนางคลินตันในผลสำรวจดังกล่าวเนื่องจาก เขามีจุดยืนที่ไม่สามารุชนะใจชาวอเมริกันในวงกว้างได้"
นายเวสต์กล่าวว่า "มุมมองเกี่ยวกับผู้อพยพของนายทรัมป์ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวละตินไม่พอใจ อีกทั้งวิวาทะของนายทรัมป์เกี่ยวกับกลุ่ม ISIS (กลุ่มรัฐอิสลาม) และนโยบายทางการเมืองทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นสตรีเกิดความวิตกกังวล ในขณะเดียวกันผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกหลายรายคิดว่า สหรัฐจะตกอยู่ในภาวะสงครามกับตะวันออกกลาง และผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่มีการศึกษามองว่า สาระในนโยบายของนายทรัมป์ค่อนข้างจะน่าผิดหวัง"
นายเวสต์กล่าวด้วยว่า นางคลินตันเป็นคู่แข่งที่คู่ควรของนายทรัมป์ เนื่องจากเธอมีความรู้เกี่ยวกับปัญหาต่างๆ อย่างกว้างขวาง และเข้าใจในเรื่องความจำเป็นที่จะต้องปรับนโยบายต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่พอดี อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีความคิดครอบคลุมไปถึงปัญหาสังคม
ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนแสดงให้เห็นว่า นายทรัมป์ได้รับคะแนนนิยมจากผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงชาวละตินต่ำมาก และประชาชนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มสนับสนุนที่สำคัญ โดยพรรคริพับลิกันจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากชาวสหรัฐกลุ่มนี้ถึง 1 ใน 3 เพื่อที่จะชนะการเลือกตั้ง และเนื่องจากรัฐใหญ่หลายรัฐเช่นรัฐฟลอริดามีประชากรชาวละตินอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรครีพับลิกัน
นายเวสต์กล่าวด้วยว่า "นายทรัมป์ยังได้รับคะแนนนิยมจากกลุ่มผู้หญิงน้อยอีกด้วย เนื่องจากผู้หญิงจำนวนมากมีความวิตกกังวลเมื่อนายทรัมป์พูดถึงเรื่องสงคราม และด้วยคำปราศัยเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่ดูรุนแรง ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากมองว่านายทรัมป์ตำหนิผู้อื่นง่ายเกินไป อีกทั้งยังมีจุดยืนที่อาจนำไปสู่ความแตกแยกได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถือว่า นายทรัมป์จะมีภาพที่ติดลบต่อกลุ่มผู้หญิง"
คะแนนนิยมที่ต่ำของนายทรัมป์ในกลุ่มชาวละตินและกลุ่มผู้หญิง จะส่งผลดีต่อนางคลินตัน
ในขณะเดียวกัน พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มว่า จะได้รับคะแนนนิยมส่วนใหญ่จากกลุ่มผู้หญิงที่เป็นโสดและกลุ่มชาวละติน ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ยากสำหรับนายทรัมป์ที่จะเอาชนะ หากนายทรัมป์ได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต นอกจากนี้นางคลินตันยังได้รับคะแนนนิยมในกลุ่มชาวแอฟริกันอเมริกันอีกด้วย โดยมีแนวโน้มว่าประชาชนกลุ่มดังกล่าวจะเทคะแนนให้แก่นางคลินตัน"
นายแดน มาฮาฟฟี นักวิเคราะห์จากศูนย์ศึกษาด้านประธานาธิบดีและรัฐสภากล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า "หลังจากที่นายทรัมป์ได้กล่าวปราศัยที่พรรคริพับลิกัน ทำให้มีผู้คนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกและผู้หญิง มองว่า เป็นไปได้ยากที่จะลงคะแนนเสียงเลือกนายทรัมป์"
นายมาฮาฟฟีเปิดเผยว่า เมื่อดูแล้ว ผลสำรวจต่างๆ แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันกว่า 50% จะรู้สึกอับอายหากนายทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี เป็นปัจจัยที่ชี้ว่า อาจจะเป็นการไม่เหมาะสมที่นายทรัมป์จะเข้ามาชิงตำแหน่งประธานาธิบดี"
และท้ายที่สุด หากนายทรัมป์ได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน "ประชาชนผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันแบบเป็นกลาง หรือกลุ่มประชาชนอิสระจำนวนมากอาจหันมาโหวตให้นางฮิลลารีแทน" นายมาฮาฟฟีกล่าว
และทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนแต่จะส่งผลดีต่อนางคลินตัน ซึ่งถ้าหากนายทรัมป์ได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันแล้ว นางคลินตันก็มีโอกาสสูงที่จะชนะศึกเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559
ในขณะเดียวกัน นางคลินตันก็ยังคงพยายามที่จะทิ้งห่างคู่แข่งในพรรคเดโมแครตอย่างนายเบอร์นี่ แซนเดอร์ส แม้ว่านายแซนเดอร์สจะได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอยู่มาก แต่จากผลสำรวจ Real Clear Politics แสดงให้เห็นว่า คะแนนนิยมของนายแซนเดอร์สก็ยังคงตามหลังนางคลินตันอยู่ถึง 26 คะแนน
ดังนั้น นางคลินตันจึงมีโอกาสสูงที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนจากพรรคเดโมแครตส์
โดยแมทธิว รัสลิง จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน