นายโดนัลด์ ทรัมป์ นักธุรกิจปากกล้าผู้นี้กำลังมองหาผู้ที่จะมาทำหน้าที่รองประธานาธิบดี ผู้ซึ่งสามารถช่วยเหลือเขาในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ช่วยบริหารประเทศ หากทรัมป์สามารถคว้าชัยชนะการเลือกตั้งครั้งนี้
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันต้องรับมือกับภารกิจเร่งด่วนเรื่องการมองหาคู่หูที่จะมาช่วยบริหารประเทศ ที่จะมาช่วยสู้ศึกเลือกตั้งสู่ทำเนียบขาว และช่วยบริหารประเทศหากตนเองได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
ในฐานะตัวแทนพรรค ทรัมป์ กำลังเผชิญกับหน้าที่เร่งด่วนในการสรรหารองประธานาธิบดีหรือคู่หู่ของเขา
"ทรัมป์กำลังมองหาใครสักคนที่จะมาช่วยเขาบริหารประเทศ" แดเรล เวสท์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสถาบันบรูกกิงส์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว
"ทรัมป์มีจุดอ่อนในแง่ของความสัมพันธ์กับรัฐสภา ดังนั้นเขาจึงต้องการใครสักคนที่จะมาสานสัมพันธ์ระหว่างเขาและประธานสภาคองเกรส อีกทั้งในภายภาคหน้าการเสนอร่างกฏหมายให้ผ่านการอนุมัติจากทำเนียบขาวและวุฒิสภานับเป็นความท้าทายอันใหญ่หลวง ซึ่งทรัมป์อาจต้องการคำแนะนำที่จะชี้แนะเขาในกระบวนการนี้" นายเวสท์กล่าว
ในขณะที่มีการพูดคุยหารือเกี่ยวกับการเลือกชาวสหรัฐเชื้อสายฮิสปานิค หรือละตินอเมริกาเป็นแคนดิเดทรองประธานาธิบดีในสังกัดของทรัมป์ เพื่อที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของทรัมป์ที่มีต่อฐานเสียงกลุ่มสำคัญให้ดียิ่งขึ้นนั้น นายเวสท์ตั้งขอสงสัยว่า เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์คนนี้ จะตกลงทำตามนั้นจริงหรือไม่
ทั้งนี้ นายเวสท์ไม่คิดว่า มาร์โค รูบิโอ ส.ว.จากรัฐฟลอริดาจะเป็นผู้ท้าชิงที่ทรัมป์เลือกให้เข้ามาเป็นรองประธานาธิบดี โดยกล่าวว่าอดีตผู้สมัครชิงตัวแทนพรรครีพับลิกันรายนี้ไม่ได้ให้ความเคารพทรัมป์เท่าที่ควร
"ทรัมป์ไม่ได้มองว่า รูบิโอเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งหรือคู่หูที่สามารถช่วยเขาบริหารประเทศแต่อย่างใด" นายเวสท์กล่าว
ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งนั้น ทรัมป์สร้างความหมางเมินและความโกรธเกรี้ยวให้แก่ผู้ลงคะแนนเสียงชาวฮิสแปนิคด้วยคำพูดที่สร้างความแตกแยกร้าวฉาน โดยกล่าวถึงชาวแม็กซิกันว่าเป็นอาชญากรรม ผู้ค้ายาเสพติด และพวกข่มขืนกระทำชำเรา
อย่างไรก็ตาม เวสท์กล่าวว่า ทรัมป์จะไม่เลือกชาวฮิสปานิคเป็นคู่หูของเขา เพราะการกระทำดังกล่าวคงจะไม่ได้ช่วยขยายฐานเสียงชาวฮิสแปนิคที่จะสนับสนุนทรัมป์แต่อย่างใด
"ชาวฮิสแปนิคต่างไม่พอใจทรัมป์เพราะนโยบายของเขา และดูเหมือนว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด" เขากล่าว
ทั้งนี้ ความนิยมอันกว้างขวางของทรัมป์ในชนชั้นผู้ใช้แรงงานผิวขาวนับเป็นแรงหนุนที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้ได้ อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า ทรัมป์จำเป็นต้องเร่งเพิ่มฐานเสียงดังกล่าว เพื่อเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะส่งทรัมป์ขึ้นสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีของสหรัฐ
"ชัยชนะของทรัมป์จะขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงของชาวผิวขาวจำนวนมาก ดังนั้นตัวแทนรองประธานาธิบดีจะมีหน้าที่รักษาฐานเสียงดังกล่าวด้วยเช่นกัน"
รายชื่อของผู้ท้าชิงที่จะชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ประกอบด้วย ส.ว. บ็อบ คอร์เกอร์ นางแมรี่ ฟัลลอน ผู้ว่าการรัฐโอคลาโฮมา และ คริส คริสตี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านคาดว่า ทรัมป์จะเป็นตัวเต็งคนสำคัญในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ทรัมป์ได้รับเลือกจากพรรคริพับลิกันให้เป็นตัวแทนพรรค โดยมีนาง ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครต ที่มีโอกาสมากที่สุดจะเป็นคู่แข่งของทรัมป์ในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยทรัมป์ นักธุรกิจจอมคุยโวผู้นี้ ได้เกากระแสสถานการณ์ของสหรัฐในช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันหลายล้านคนดิ้นรนเพื่อที่จะอยู่รอดเป็นเวลาถึง 7 ปีนับตั้งแต่เศรษฐกิจของสหรัฐถดถอย
ความนิยมของทรัมป์เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์มีคะแนนความนิยมไล่จี้สูสีกับคลินตัน จึงเป็นที่คาดการณ์ได้เลยว่าการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีภายในปีนี้ต้องเข้มข้นและดุเดือดอย่างแน่นอน
ในขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายรายไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์จะขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่า ในท้ายที่สุดสมาชิกส่วนมากจะหันมาสนับสนุนทรัมป์ เพราะสำหรับพวกเขา การที่มีคลินตันเป็นประธานาธิบดีเป็นเรื่องที่แย่กว่าทรัมป์เป็นประธานาธิบดีเสียเอง
นายแดน มาฮัฟฟี นักวิเคราห์จาก Center for the Study of the Presidency and Congress ให้สัมภาษณ์กับซินหัวว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันและผู้ลงคะแนนเสียงจำนวนมากเริ่มที่จะให้ความสนับสนุนทรัมป์ แม้ว่าพวกเขายังกังวลเกี่ยวกับนโยบายบางประการของเขา
แม้ก่อนหน้านี้ผู้นำพรรคริพับลิกันจะรู้สึกไม่พอใจและโกรธเคืองทรัมป์อยู่บ้าง แต่พวกเขาเริ่มส่งสัญญาณรับรองทรัมป์ให้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน หลังจากที่ทรัมป์สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคด้วยกันเองได้มากขึ้น
ในขณะนี้ จึงกล่าวได้ว่า ทรัมป์สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคได้มากกว่าฝั่งคลินตันเสียอีก
สำนักข่าวซินหัวรายงาน