รัฐบาลจีนน่าจะออกนโยบายเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มการสนับสนุนด้านการเงินให้กับระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง ภายหลังจากที่นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนได้เดินทางไปยังธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของจีน รวมทั้งหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
นายหลี่ กล่าวภายหลังจากที่ได้เยือนธนาคารไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ และธนาคารกลางจีนว่า ธนาคารต่างๆจะต้องปรับปรุงวิธีการที่ธนาคารจะสามารถดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพในภาคอุตสาหกรรมใหม่ๆที่ยังมีเงินลงทุนต่ำ ในขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลเองก็ควรจะยกระดับการดูแลเพื่อให้สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
นายกฯจีนยังได้ระบุถึงความยากลำบากที่บริษัทขนาดเล็กและภาคเอกชนต้องเผชิญ เมื่อบริษัทเหล่านี้เดินหน้าเพื่อระดมเงินทุน
นายกฯจีนกล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนในภาคเกษตรกรรมและเอกชน รวมทั้งระบบเศรษฐกิจใหม่ เช่น อินเทอร์เน็ต ลอจิสติกส์ การประหยัดพลังงาน การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการผลิตแบบอัจฉริยะนั้น สมควรจะได้รับการสนับสนุนด้านการเงิน
การแสดงความคิดเห็นของนายกฯจีนนั้น สอดคล้องกับผู้บริหารจีนที่ต้องการแก้ปัญหาการขาดแคลนเงินในระบบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมานาน ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อจนกกลายเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันที่อยู่เบื้องหลังการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ธนาคารกลางจีนได้เพิ่มอุปทานเงินด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหลายล้านล้านหยวน แต่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อปีที่แล้ว เพื่อลดต้นทุนด้านการระดมทุนของบริษัท เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารต่างๆได้รับอนุญาตให้ปล่อยเงินกู้เงินหยวนมูลค่า 9.37 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.45 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 8.51 แสนล้านหยวน
แม้ว่า จะได้มีการใช้ความพยายามในด้านต่างๆแล้ว แต่บริษัท ภาคเอกชน และบริษัทของจีน ก็ยังมีความยากลำบากในการระดมทุน
จาง เตา รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวในที่ประชุมเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า ในขณะที่บริษัทขนาดใหญ่สามารถเข้าถึงธนาคารพาณิชย์ แต่จีนก็ยังขาดแคลนสถาบันการเงินขนาดกลางและขนาดเล็กที่จะตอบสนองความต้องการด้านการเงินที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทขนาดเล็กได้
นายจางกล่าวว่า การที่แก้ปัญหาความไม่สมดุลนี้ จะเป็นภารกิจที่สำคัญอันดับต้นๆของการปฏิรูปด้านการเงิน
นายกฯจีนกล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนธนาคารเอกชนและบริษัทไฟแนนซ์เพื่อผู้บริโภค รวมทั้งส่งเสริมตลาดการเงินและตลาดหุ้นระดับภูมิภาค ตลอดจนส่งเสริมให้มีการออกพันธบัตร และเพิ่มสัดส่วนการระดมทุนโดยตรง
นายหลี่ กล่าวว่า จีนยังจะเดินหน้าลดสัดส่วนการกู้เงินเพื่อลงทุนในตลาดทุนของบริษัทที่อยู่นอกภาคการเงิน เพิ่มการคุมเข้มด้านการเงิน และป้องกันความเสี่ยงด้านการเงินในระดับภูมิภาคและในระบบ
ทางด้านตง สี่เหมียว นักเศรษฐศาสตร์ของเฮงเฟง แบงก์ กล่าวว่า การที่จะลดการกู้เงินมาลงทุนและควบคุมความเสี่ยงนั้นน่าจะช่วยสกัดการเติบโตของบริษัทที่จัดว่าเป็นบริษัทที่ไม่สามารถเติบโตได้หรือที่เรียกกันว่าซอมบี้ คัมพานี ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการจัดสรรทรัพยากรและส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างแท้จริง สำนักข่าวซินหัวรายงาน