การใช้ฐานทัพอากาศของอิหร่านโดยรัสเซียเพื่อโจมตีกลุ่มก่อการร้าย จะเพิ่มความเข้มแข็งให้กับบทบาทของทั้งสองประเทศในตะวันออกกลาง ท่ามกลางข้อผิดพลาดด้านนโยบายของสหรัฐในภูมิภาค
เครื่องบินรบของรัสเซียได้เริ่มบินจากฐานทัพอากาศฮามาดันในภาคตะวันตกของอิหร่านเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อโจมตีต่อเป้าหมายกลุ่มก่อการร้ายในซีเรียเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน
ประการแรก สำหรับรัสเซีย ซึ่งเริ่มโจมตีทางอากาศในซีเรียนับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา การใช้ฐานทัพอากาศในอิหร่าน นอกเหนือไปจากฐานทัพอากาศฮเมย์มิมในซีเรีย จะช่วยลดต้นทุนปฏิบัติการทางทหารในซีเรียลง
อัซห์ดาร์ เคอร์ตอฟ หัวหน้าบรรณาธิการของวารสารเนชั่นแนล สตราติจี อิสชูส์ และสมาชิกของสถาบันกลยุทธ์รัสเซีย กล่าวว่า "ทางเลือกที่เป็นอิหร่านช่วยให้ต้นทุนลดลง ด้วยการประหยัดน้ำมัน และยังทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลทางอากาศ"
ประการที่สอง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างรัสเซียและอิหร่าน
รัฐที่อนุญาตให้กองกำลังติดอาวุธจากรัฐอื่นใช้ดินแดนของตนเองชั่วคราว ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างยิ่งระหว่าง 2 รัฐ นายเคอร์ตอฟกล่าว
นอกจากนี้ การทำข้อตกลงยังทำให้อิหร่านมีส่วนร่วมในภูมิภาคมากขึ้น เนื่องจากจะช่วยให้อิหร่านมีส่วนในเชิงรุกมากขึ้นในการแก้ปัญหาความไม่สงบในซีเรีย นอกเหนือไปจากการยกเลิกการคว่ำบาตร
แต่อย่างไรก็ดี นายเคอร์ตอฟระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดหวังเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมจากความร่วมมือในรูปแบบการโจมตีทางอากาศระหว่างรัสเซียและอิหร่านในครั้งนี้ต่อการแก้ปัญหาทางการเมืองในซีเรีย เนื่องจากยังจะต้องมีการประเมินประสิทธิภาพของการโจมตีทางอากาศจากอิหร่านในอนาคต
ในขณะเดียวกัน นายเคอร์ตอฟเห็นด้วยหากเรื่องดังกล่าวสามารถสร้างความเสียหายให้กับกลุ่มก่อการร้ายและกดดันให้กลุ่มต้องร่นถอย ซึ่งจะช่วยให้พบกับแนวทางในการแก้ปัญหาให้กับซีเรียได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ โดยนายเคอร์ตอฟเชื่อว่า เพื่อแสดงให้สหรัฐเห็นว่า ประเทศมหาอำนาจไม่ได้มีแต่สหรัฐเพียงผู้เดียวที่สามารถปฏิบัติการทางทหารโดยใช้ฐานทัพอากาศในตะวันออกกลางได้
ทั้งนี้ สหรัฐไม่สบายใจที่รัสเซียใช้ฐานทัพอากาศของอิหร่าน แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆที่เป็นรูปธรรม
นายมาร์ค โทเนอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า ความเคลื่อนไหวของรัสเซียไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ในซีเรียดีขึ้น และสหรัฐกำลังประเมินว่า ความเคลื่อนไหวของรัสเซียได้ละเมิดข้อตกลง 2231 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งสั่งห้ามไม่ให้ส่งมอบ ขาย และโอนเครื่องบินรบให้กับอิหร่านหรือไม่
ด้านนายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า การใช้เครื่องบินรบของรัสเซียได้รับอนุญาตจากอิหร่านภายใต้กรอบการทำงานด้านการต่อต้านการก่อการร้ายในดินแดนของซีเรียตามคำขอของรัฐบาลซีเรีย
"เนื่องจากสหรัฐมีความรับผิดชอบโดยตรงต่อความขัดแย้งในตะวันออกกลาง สงครามกลางเมือง และการเกิดรัฐอิสลามและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ สหรัฐจะต้องยอมรับความจริงที่ว่า อิหร่านและรัสเซียมีความเกี่ยวข้องในปฏิบัติการทางทหารที่มีจุดประสงค์เพื่อแก้ไขความผิดพลาดของนโยบายสหรัฐ" นายเคอร์ตอฟกล่าว
บทวิเคราะห์โดยสำนักข่าวซินหัว