ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กำลังพยายามที่จะกู้ภาพลักษณ์ของตนเอง แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเกิดขึ้นช้าเกินไปสำหรับมหาเศรษฐีผู้เถรตรงรายนี้
นายทรัมป์มีเรื่องน่าขายหน้าเกี่ยวกับการพูดที่เกินจริงและมักจะใช้คำพูดถากถางบรรดาคู่แข่งทางการเมืองอยู่เสมอ อีกทั้งยังลามไปถึงเรื่องของเชื้อชาติอีกด้วย โดยทรัมป์เคยเปรียบชาวเม็กซิกันเหมือนอาชญากรคดีข่มขืน อีกทั้งยังเคยเสนอมิให้ชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ หลังจากนั้นก็ได้ถอนคำพูดดังกล่าว
อย่างไรก็ดีก็ยังมีข้อสงสัยว่า ทรัมป์จะสามารถปรับบุคลิกภาพของตนเองให้ผ่อนคลายลงแต่ยังสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนเป็นเอกภาพ และคงภาพลักษณ์ที่เหมาะสมต่อการเป็นผู้นำประเทศได้หรือไม่ ซึ่งภาพลักษณ์ใหม่ดังกล่าวจะช่วยดึงคะแนนนิยมจากผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ก็จะเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ขัดกับภาพทรัมป์คนเดิมที่มักจะกระตุ้นให้ชาวอเมริกันรู้สึกเหนื่อยหน่ายที่เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยลง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางรายระบุว่า ขณะนี้ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 3 เดือนก่อนที่ชาวอเมริกันจะเริ่มลงคะแนนเสียงในเดือนพ.ย. นอกจากนี้จะยังมีการโต้วาทีกันระหว่างนายทรัมป์และฮิลลารีอีกหลายครั้ง โดยการโต้วาทีจะถูกถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ หากทรัมป์ยังสามารถรักษาจุดยืนได้อย่างชัดเจนนับจากนี้ไปจนถึงช่วงที่ต้องโต้วาที ชัยชนะอาจตกเป็นของนายทรัมป์ก็เป็นได้
นายแดน มาฮาฟฟี นักวิเคราะห์จากศูนย์ศึกษาวิจัยประธานาธิบดีและรัฐสภา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ปัจจุบัน ยังถือว่าไม่สายเกินไป ทรัมป์ยังมีเวลาอีกมากที่จะสามารถครองใจผู้ลงคะแนนเสียงได้
แน่นอนว่า ในอดีตทรัมป์อาจเรียกคะแนนนิยมได้บ้างเนื่องจากมีความสามารถในการโน้มน้าวและมีคำพูดที่ฟังดูมีเหตุผล อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งนี้อาจจะลดคะแนนนิยมของเขาจากผู้สนับสนุนกลุ่มเดิมได้เช่นกัน
นายจูเลียน เซลิเซอร์ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์และรัฐกิจแห่งมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เขียนบทความลงใน CNN.com เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันจะต้องยอมรับความจริงว่า "ทรัมป์"ยังไงก็คงเป็น"ทรัมป์"
แม้ว่าจะมีผู้คนสงสัยว่า นายทรัมป์จะแก้เกมโดยการปรับภาพลักษณ์เพื่อดึงดูดคะแนนนิยมให้ได้ในวงกว้างขึ้น ซึ่งก็อาจขัดใจกลุ่มผู้สนับสนุนกลุ่มเดิม แต่ทรัมป์ก็ยังคว้าน้ำเหลวอย่างต่อเนื่องในการปรับภาพลักษณ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ยังพบว่า ทรัมป์ไม่ได้สนใจที่จะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตนแต่อย่างใด แม้แต่บรรดาคณะที่ปรึกษาก็ไม่อาจกำหนดทิศทางของทรัมป์ได้ ในขณะที่ผลสำรวจคะแนนนิยมของทรัมป์ก็ร่วงลง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คริสโตเฟอร์ กัลดอเอริ จากวิทยาลัยเซนต์ แอนเซล์ม รัฐนิวแฮมป์เชียร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า "ผมคิดว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นช้าเกินไป จุดยืนของบรรดาผู้สมัครในขณะนี้มาถึงจุดที่ค่อนข้างลงตัวแล้ว"
นายกัลดอเอริ กล่าวอีกว่า "สำหรับแผนการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของทรัมป์ให้เป็นเหมือนดั่งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั่วไปจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้งนั้น ผมว่านายทรัมป์ไม่มีระเบียบวินัยมากพอที่จะสามารถปรับเปลี่ยนตนเองได้มากขนาดนั้น"
แมทธิว รัสลิง สำนักข่าวซินหัวรายงาน