การที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐประกาศกร้าวว่าจะหยุดยั้งข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) อย่างแน่นอนนั้น ทำให้ชะตากรรมของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่า "อาเบะโนมิกส์" ถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนกลับเห็นต่างออกไป โดยมองว่า ไม่ว่าข้อตกลง TPP จะได้ไปต่อหรือไม่นั้น พันธกิจของอาเบะยังคงไม่แปรเปลี่ยน โดยที่เขาจะยังเดินหน้าส่งเสริมการเปิดเสรีทางการค้ากับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจต่อไป ไม่ว่าจะเป็นจีน ยุโรป และสหรัฐ
ฮิราชิ ยามาดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจญี่ปุ่น แสดงความคิดเห็นว่า การที่ข้อตกลง TPP หยุดชะงักนั้น อาจทำให้รัฐบาลของอาเบะต้องเผชิญกับมรสุมทางการเมือง แต่หากมองในอีกแง่หนึ่งจะพบว่า สองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและอังกฤษภายหลังการลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น ต่างก็อยู่ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ดังนั้น "ญี่ปุ่นในเวลานี้จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะแผ่ขยายอิทธิพลบนเวทีโลก"
ยามาดะกล่าวว่า "รัฐบาลของ อาเบะกลายเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพมากที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วในเวลานี้ อาเบะจำเป็นต้องเดินหน้าสร้างโมเดลเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีซึ่ง จะช่วยส่งเสริมการค้าเสรีโดยไม่ทำให้เกิดช่องว่างทางรายได้ที่มากเกินไป"
ขณะที่นักเศรษฐกิจหลายคนมองว่า ข้อตกลง TPP ไม่ใช่เครื่องมือเดียวที่จะช่วยค้ำจุนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นซึ่งพึ่งพาการส่งออก
ไดจู อาโอกิ เศรษฐกรแห่งยูบีเอส กรุ๊ป เอจี ระบุว่า "แม้รัฐบาลญี่ปุ่นคาดหวังว่าจะอาศัยข้อตกลง TPP เป็นเครื่องมือในการขยายกรอบการค้าและการลงทุน แต่ญี่ปุ่นจะยังคงดำเนินนโยบายกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆในเอเชีย ยุโรป และรัสเซียต่อไป ไม่ว่าข้อตกลง TPP จะถูกเพิกถอนหรือไม่"
เขากล่าวเสริมว่า "หลายประเทศในเอเชียมีการผ่อนคลายกฎระเบียบที่อนุญาตให้บริษัทต่างๆในภาคอุตสาหกรรม เช่น อาหาร การค้าปลีก และธนาคาร สามารถขยายธุรกิจในต่างประเทศได้ ซึ่งสิ่งนี้ได้จุดประกายความหวังให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น"
ทางด้าน จุน ไอโอะ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์แห่งสถาบันบัณฑิตแห่งชาติญี่ปุ่น เชื่อว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจำเป็นต้องอาศัยการค้าเพื่อช่วยในการพลิกฟื้นธุรกิจญี่ปุ่น
"การที่จะขยายกรอบข้อตกลงการค้าเสรีนั้น จำเป็นต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมต่างๆที่ญี่ปุ่นปกป้องมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเกษตร เนื่องจากเมื่อมีการเปิดเสรีทางการค้าแล้ว ย่อมเกิดการแข่งขันในระดับนานาชาติที่เข้มข้นขึ้น" ไอโอะกล่าว สำนักข่าวเกียวโดรายงาน