นายโมฮาเหม็ด เอล-เอเรียน นักวิเคราะห์และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจจากบริษัทอัลไลอันซ์ ซึ่งเป็นเครือบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่จีนปรับนโยบายด้วยการหันไปมุ่งเน้นการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ แทนการพึ่งพาการส่งออก และการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น จะช่วยให้เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศมีการขยายตัวได้ดีขึ้นในปี 2560
นายเอล-เอเรียนกล่าวปาฐกถาในการประชุม "2016 Arab Strategy Forum" ซึ่งเป็นการประชุมว่าด้วยการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2017 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดูไบ ว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่สดใส เนื่องจากจีนซึ่งมีประชากรมากที่สุดในโลกนั้น ได้เริ่มกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ ด้วยการลดการพึ่งพาการส่งออกและการผลิตภายในประเทศ และหันไปกระตุ้นการอุปโภคบริโภคและเสริมสร้างภาคเอกชนให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเกิดใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างบราซิลและอินเดียนั้น จีนถือได้ว่าเป็นประเทศที่บริหารการเปลี่ยนผ่านได้ดีเยี่ยม และจีนยังตัดสินใจได้ถูกต้องเกี่ยวกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ที่จากเดิมมุ่งเน้นที่ปริมาณการผลิต ให้กลายมาเป็นการให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า นายเอล-เอเรียนกล่าว
ด้านสหรัฐนั้น นายเอล-เอเรียนกล่าวว่า ดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดกว่า 16 ครั้งในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า นักลงทุนมีความคาดหวังต่อนโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์ หลังจากนายทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐให้เติบโต 3.5% และสร้างอาชีพให้แก่ประชากรในประเทศจำนวนมาก
นายเอล-เอเรียนเชื่อว่า ทรัมป์จะปฏิบัติตามนโยบายเศรษฐกิจตามที่สัญญาไว้ในช่วงหาเสียง ที่ประกอบไปด้วยการปฏิรูปการจัดเก็บภาษีองค์กร และการเพิ่มงบประมาณเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐนั้น นายเอล-เอเรียนเชื่อว่า ทรัมปจะยังยึดมั่นในแนวความคิดที่ว่า การค้าจะต้องเป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม พร้อมกับคาดการณ์ว่า การบริหารงานของทรัมป์จะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2% สำนักข่าวซินหัวรายงาน