ทางการแคนาดาโล่งอกภายหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งมีแผนที่จะเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) ใหม่ ได้ออกมาประกาศว่า เม็กซิโกเป็นพันธมิตรที่มีปัญหาในข้อตกลงระดับไตรภาคี มิใช่ประเทศแคนาดา
นายทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ซึ่งพบกันเป็นครั้งแรกว่า คณะทำงานของรัฐบาลมีความเกี่ยวพันกับข้อตกลงดังกล่าว รวมถึงมีความเกี่ยวข้องกับประเทศแคนาดาซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการค้าอันโดดเด่นกับสหรัฐ ทว่าในขณะเดียวกันสหรัฐก็วางแผนที่จะทำงานร่วมกับประเทศเม็กซิโกเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าในภาคพื้นทวีปดังกล่าว ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2537 เพื่อที่จะทำให้เป็นข้อตกลงที่ยุติธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย
"เราจะดำเนินการในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย" นายทรัมป์กล่าวสั้น ๆ โดยไม่ได้ชี้แจงถึงรายละเอียดใ ๆ ขณะที่นายทรูโด รวมถึงคณะรัฐมนตรีก็ไม่ได้ออกความเห็นแต่อย่างใด
ด้านนายพอล ไรอัน โฆษกสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางแคนาดายังมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับปรุงภาษีชายแดนดัวย
สถาบัน C.D. Howe ของแคนาดาออกมาเตือนว่า ผู้ส่งออกสินค้าชาวแคนาดาอาจต้องแบกรับภาษีชายแดน 20% หากจะส่งสินค้าไปสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศแคนาดาเอง ในขณะเดียวกันบริษัทค้าปลีกรายใหญ่สัญชาติอเมริกันอย่าง Wal-Mart และ Target ต่างไม่เห็นด้วยกับภาษีดังกล่าวเพราะจะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น
นายคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของแคนาดากล่าวกับนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐว่า หากทางสหรัฐดำเนินมาตรการเกี่ยวกับภาษีดังกล่าว ทางแคนาดาก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ดี แคนาดามิได้ต้องการจะสร้างความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ อีกทั้งยังค่อนข้างให้ความสำคัญต่อผลประโยชน์ที่สหรัฐจะได้รับจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจข้ามพรมแดนเสียด้วยซ้ำ โดยนายฟรีแลนด์ทิ้งท้ายว่า ในจำนวน 35 จาก 50 รัฐของอเมริกามีแคนาดาเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ โดยแคนาดาติด 1 ใน 3 ของตลาดส่งออกหลักประจำรัฐต่าง ๆ ของอเมริกาถึง 13 แห่ง
คริสโตเฟอร์ กูลี สำนักข่าวซินหัวรายงาน