ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษฉบับใหม่เพื่อล้มเลิกนโยบายแก้ปัญหาโลกร้อนของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับการขานรับจากอุตสาหกรรมพลังงาน แต่กลับสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และอาจนำไปสู่ความท้าทายด้านกฎหมายในอนาคต
ปธน.ทรัมป์ซึ่งเคยกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเป็นเรื่องลวงโลก ได้ลงนามในคำสั่ง "Energy Independence Executive Order" เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นในระหว่างการเยือนสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (EPA) เป็นครั้งแรก โดยคาดว่าคำสั่งดังกล่าวจะส่งผลให้ EPA ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลง 31% และทำให้การจ้างงานในองค์กรแห่งนี้ลดลง 3,200 ตำแหน่ง ภายใต้การบริหารจัดการด้านงบประมาณประจำปี 2561 ของปธน.ทรัมป์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในระหว่างการลงนามครั้งนี้ ทางรัฐบาลได้เชิญคนงานเหมืองถ่านหินบางกลุ่มเข้าร่วมในพิธีด้วย โดยทรัมป์กล่าวว่า คำสั่งฉบับนี้เป็น "การเริ่มต้นยุคใหม่" แห่งการผลิตพลังงานของอเมริกา ซึ่งจะนำไปสู่การยุติ ยุคสงครามถ่านหิน
คำสั่งพิเศษฉบับดังกล่าวนี้ มีเป้าหมายที่จะล้มเลิกแผนการณ์พลังงานสะอาด (Clean Power Plan) ซึ่งถือเป็นความพยายามอันเป็นสัญลักษณ์ของนายโอบามาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน ตามกรอบความตกลงปารีสปี 2558 เพื่อแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลก
ทั้งนี้ EPA ได้รับมอบหมายจากคำสั่งฉบับนี้ให้ "ระงับ ทบทวน หรือยกเลิก" การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกฏเกณฑ์ในยุคสมัยของนายโอบามา ซึ่งขัดขวางการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานอเมริกัน
นอกจากนี้ คำสั่งพิเศษของปธน.ทรัมป์ยังยกเลิกคำสั่งระงับสัญญาเช่าถ่านหินในที่ดินภาครัฐ และยกเลิกการคุมเข้มด้านการผลิตน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานจากชั้นหินดินดาน ยุติคณะทำงานด้านต้นทุนทางสังคมของก๊าซเรือนกระจก และยกเลิกบันทึกความตกลงในสมัยโอบามา อาทิ บันทึกความตกลงแก้ไขปัญหาโลกร้อนและความมั่นคงของชาติ
ด้านบริษัทพลังงานบางส่วนได้ออกมายกย่องคำสั่งพิเศษนี้ว่า เป็นการก้าวสู่การฟื้นฟูอุตสาหกรรมพลังงานสหรัฐ
"เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับรัฐบาลทรัมป์และสภาคองเกรส ในด้านนโยบายพลังงานในอนาคต เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสหรัฐจะยังคงเป็นผู้นำโลกด้านการผลิตและกลั่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยคาร์บอน" นายแจ็ค เจอร์ราด ประธานและซีอีโอสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) กล่าว
อย่างไรก็ตาม นางจีนา แมคคาร์ธี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธาน EPA สมัยโอบามา ระบุว่า "คำสั่งฉบับนี้ถูกกำหนดขึ้นเพียงเพื่อต้องการพาเราย้อนเวลากลับไปสู่ยุคที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยปล่องควัน ซึ่งส่งผลร้ายต่อสุขภาพและทำให้อากาศปนเปื้อนมลพิษ"
"นี่ไม่ใช่แค่เรื่องอันตรายเท่านั้น แต่ยังเป็นความอับอายทั้งสำหรับเราและอุตสาหกรรมของเรา จากการที่มองไม่เห็นโอกาสของเทคโนโลยีใหม่ๆ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และภาวะความเป็นผู้นำของสหรัฐ" เธอกล่าว
ทางด้านนายไมเคิล บรุน ผู้อำนวยการบริหารแห่งเซียร์รา คลับ ซึ่งเป็นองค์กรสิ่งแวดล้อมในสหรัฐ เรียกคำสั่งฉบับนี้ว่าเป็น "การตอบโต้การดำเนินการแก้ปัญหาโลกร้อนครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ" โดยเขาให้คำมั่นที่จะต่อสู้คำสั่งฉบับนี้ในศาล กลางท้องถนน ในระดับรัฐและท้องถิ่นทั่วสหรัฐ เพื่อคุ้มครองสุขภาพประชาชนในชุมชนทั่วประเทศ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆได้แสดงความกังขาเช่นกันว่า คำสั่งฉบับนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานได้จริงหรือไม่
"คำสั่งนี้น่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการจ้างงานและการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐแค่ในวงจำกัด" นายเจค ชมิดท์ ผู้อำนวยการโครงการระหว่างประเทศ สภาความมั่นคงด้านทรัพยากรธรรมชาติ (NRDC) กล่าว