นักวิเคราะห์จากหลายสำนักคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจไม่เดินหน้าปฏิรูปกฏหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ต่อไป หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ยกเลิกการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว
ด้านปธน.ทรัมป์ออกมายอมรับว่า เขารู้สึกผิดหวังที่กลุ่มฟรีดอมคอคัส (Freedom Caucus) ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมในพรรครีพับลิกัน ออกมาคัดค้านร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ จนเป็นเหตุให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐต้องยกเลิกการโหวตร่างกฎหมายประกันสุขภาพดังกล่าว ซึ่งจะเข้ามาแทนที่กฏหมายโอบามาแคร์ของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ในระหว่างการหาเสียงเมื่อปีที่ผ่านมา หนึ่งในนโยบายหลักของนายทรัมป์ คือการยกเลิกกฏหมายประกันสุขภาพฉบับเก่าหรือที่รู้จักกันในชื่อ "โอบามาแคร์" ซึ่งไม่เป็นที่ชื่นชอบของฝ่ายหลาย เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวระบุว่า ผู้ที่ไม่ได้ทำประกันสุขภาพจะต้องซื้อประกัน มิฉะนั้นจะต้องเสียค่าปรับ ส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันปรับตัวสูงขึ้น และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนหลายระดับ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากหลายสำนักเชื่อว่า การที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโหวตคว่ำร่างกฏหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ อาจทำให้นายทรัมป์ตัดสินใจที่จะไม่เดินหน้าปฏิรูปกฏหมายประกันสุขภาพสหรัฐในระยะเวลาอันใกล้นี้
นายแดน มาฮาฟฟรี นักวิเคราะห์จากศูนย์ Center for the Study of the Presidency and Congress เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า นายทรัมป์อาจจะหันไปผลักดันนโยบานด้านอื่นๆแทน อาทิ การปฏิรูปภาษี การลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการผลักดันร่างงบประมาณให้ผ่านสภาคองเกรสภายในช่วงปลายเดือนเม.ย. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐ หรือ ชัตดาวน์
"เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรครีพับลิกันและกลุ่มฟรีดอมคอคัสยังคงยืนยันถึงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับกฏหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ ผมคิดว่า กว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะรื้อฟื้นกฏหมายนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ก็จะคงจะเป็นช่วงหลังปี 2561 หรืออาจจะนานกว่านั้น" นายมาฮาฟฟรีกล่าว
ด้วยเหตุนี้ กฎหมายประกันสุขภาพ "โอบามาแคร์" จึงมีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งรัฐบาลสหรัฐอาจจะต้องหาทางออกว่า จะต้องทำอย่างไรให้ประกันสุขภาพฉบับดังกล่าวสามารถเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้นทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค
อย่างไรก็ตาม ยังมีนักวิเคราะห์จากอีกหลายสำนักที่เห็นต่างออกไปว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันควรที่จะสนับสนุนร่างกฏหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ เนื่องจากเม็ดเงินที่จะนำไปใช้ต่อยอดนโยบายการปฏิรูปภาษีของปธน.ทรัมป์ ส่วนหนึ่งก็ควรเป็นเงินที่ได้จากการปรับลดภาษีหลังจากยกเลิกการใช้กฏหมายโอบามาแคร์ ทำให้นักวิเคราะห์บางรายมองว่า หากนายทรัมป์ไม่สามารถผ่านร่างกฏหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ได้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อนโยบายปฏิรูปภาษีของเขาด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ การที่พรรครีพับลิกันมีเวลาถึง 7 ปีในการเตรียมตัวคว่ำกฏหมายโอบามาแคร์ แต่กลับไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างที่หวังไว้ ก็ส่งผลให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของพรรคลดน้อยถอยลงไปด้วย
ทั้งนี้ นายดาร์เรล เวสต์ นักวิเคราะห์จาก Brookings Institution กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า แม้นายทรัมป์จะไม่สามารถผลักดันร่างกฏหมายฉบับใหม่ให้มีผลบังคับใช้ได้ แต่เขาสามารถใช้อำนาจคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีในการแก้กฏหมายโอบามาแคร์ในบางจุดได้ รวมถึงยกเลิกการงดเว้นการเก็บภาษีในบางรัฐ เพื่อช่วยหนุนให้นโยบายการปฏิรูปภาษีของเขาให้ยังเดินหน้าต่อไปได้