Analysis: ผู้เชี่ยวชาญชี้แผนฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของ"ทรัมป์"อาจเพิ่มภาระทางการเงินให้สหรัฐ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 12, 2017 13:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า โครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อสร้างการจ้างงานให้เพิ่มมากขึ้น อาจเป็นการเพิ่มความกดดันทางการเงินให้กับสหรัฐ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ร้องของบประมาณจำนวนมหาศาล เพื่อนำมาใช้ในปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐที่ยังคงล้าหลังอยู่ในบางพื้นที่ของประเทศ ซึ่งบรรดาผู้สนับสนุนที่ได้เลือกทรัมป์เข้ามาดำรงดำแหน่งประธานาธิบดีนั้น มาจากคำมั่นสัญญาที่เขาได้กล่าวไว้ตั้งแต่ช่วงหาเสียงว่าจะทำให้เศรษฐกิจที่เฉื่อยชาของสหรัฐ กลับมามีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้น ด้วยโครงการ "ซ่อมสร้างครั้งใหญ่" (great rebuilding)

อย่างไรก็ดี แม้ตัวเลขจ้างงานอย่างเป็นทางการของสหรัฐจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ต้องยอมรับว่าตัวเลขดังกล่าวคำนวณมาจากเฉพาะผู้ที่กำลังหางานประจำทำเพียงเท่านั้น และในความเป็นจริง ยังมีชาวอเมริกันอีกหลายล้านคนที่อาศัยอยู่ในเขตชนบทที่ได้เลิกล้มความตั้งใจในการหางานทำ เนื่องจากเกิดความรู้สึกหมดหวัง

เดสมอนด์ แลชแมน นักเคราะห์จากสถาบันวิสาหกิจอเมริกัน (American Enterprise Institute) กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า แผนการเพิ่มการจ้างงานโดยเฉพาะในภาคการก่อสร้าง อย่างน้อยจะช่วยให้คนทำงานบางส่วนที่รู้สึกท้อแท้จากการหางานทำ ได้นั้น กลับเข้าสู่วงการทำงานอีกครั้ง ซึ่งเขามองว่านี่ถือเป็นข่าวดี หากแต่ข่าวร้ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างขนาดมหึมาของทรัมป์ นั่นก็คือโครงการดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการเพิ่มความกดดันทางการเงินให้กับตลาดแรงงาน

นอกจากนี้ เขายังเห็นว่า แผนการนี้ของทรัมป์อาจทำให้สหรัฐมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก และด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่ควรถูกมองข้าม แต่ควรจะต้องพิจาณาไปพร้อมๆกับข้อเสนอในการการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ และการขอเพิ่มงบประมาณด้านการทหารของทรัมป์ โดยแลชแมนระบุว่า มันกำลังจะทำให้สหรัฐต้องขาดดุลงบประมาณเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหากสิ่งที่ทรัมป์ได้วาดฝันไว้สวยหรูถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้

แลชแมนกล่าวว่า "ทั้งหมดนี้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก เช่นเดียวกับการที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้เงินสกุลดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อการค้าของสหรัฐ เขาเสริมว่า "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเศรษฐกิจของสหรัฐจะได้รับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น แต่รายจ่ายดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเหมาะสมด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษี"

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นๆ กลับไม่คิดว่าแผนการปรับปรุงซ่อมแซมของทรัมป์จะส่งผลกระทบเช่นนั้น โดยแบร์รี บอสเวิร์ธ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) ได้กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะการคลังของสหรัฐ พร้อมเสริมว่า เขาเชื่อว่าวิกฤตการคลังได้ผ่านพ้นไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรัมป์จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสื่ออเมริกันในหลากหลายประเด็น แต่ยังคงมีสัญญาณบวกบางอย่างที่เกิดขึ้น เช่น นักลงทุนมีความหวังในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น จากการที่ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะปรับลดกฎระเบียบที่ยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งเป็นปัจจัยขัดขวางการเติบโตเศรษฐกิจนับตั้งแต่สมัยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา

สำนักข่าวซินหัวรายงาน บทวิเคราะห์โดย แมททิว รัสลิง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ