ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐมีมุมมองในแง่บวกต่อเศรษฐกิจลดลง แต่ภาพรวมยังถือว่าสดใสหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งได้ 3 เดือน อย่างไรก็ดี บรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่า ปธน.ทรัมป์จำเป็นต้องเร่งดำเนินการเรื่องการปฏิรูปภาษี ซึ่งเป็นประเด็นอันดับ 1 สำหรับธุรกิจสหรัฐ
โพลล์สำรวจล่าสุดจากแกลลัพบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันยังคงมีทัศนคติที่ดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจสหรัฐของแกลลัพอยู่ที่เฉลี่ย +3 ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 พ.ค. ลดลงเพียง 4 จุดจาก 2 สัปดาห์ก่อนหน้า
ขณะที่ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ระบุว่า ธุรกิจขนาดเล็กซึ่งว่าจ้างแรงงานสหรัฐกว่า 50% ของทั้งหมดนั้น มีทัศนคติที่ดีลดลง 0.2 จุด แตะ 104.5 จุดในเดือนเม.ย. โดยได้รับแรงฉุดจากการที่กลุ่มเจ้าของธุรกิจมีความคาดหวังต่อภาวะธุรกิจในอนาคตร่วงลงหนักถึง 8 จุด
อย่างไรก็ดี ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก มองว่าความเชื่อมั่นยังคงอยู่ในระดับสูง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามผลักดันการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงกฎหมายประกันสุขภาพ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 217-213 เสียง หลังจากก่อนหน้านี้ประสบปัญหาในการรวบรวมคะแนนเสียงจนต้องถอนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวออกจากการพิจารณาในสภาคองเกรสเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือที่เรียกว่า "อเมริกันเฮลธ์แคร์" จะถูกนำมาบังคับใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ (Affordable Care Act) ของรัฐบาลชุดก่อน
เกรกอรี อาร์ วัลลิเยร์ หัวหน้านักกลยุทธ์ของ Horizon Investments ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า "ผมคิดว่าความตื่นเต้นในภาคธุรกิจหลังการเลือกตั้งนั้นได้อ่อนแรงลงบ้างแล้ว ผมมองว่าการปฏิรูปมาตรการกำกับดูแลจะให้ผลดี แต่การผลักดันให้มาตรการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบในรัฐสภานั้น ยังต้องใช้เวลา"
นายวัลลิเยร์ กล่าวว่า "การตัดสินใจต่อสู้เพื่อปฏิรูประบบสุขภาพนั้นคล้ายๆกับการที่อดีตปธน.บารัค โอบามา พลาดตัดสินใจเลือกระบบสุขภาพแทนแรงงาน การปฏิรูประบบสุขภาพเป็นเรื่องที่ยากเหลือเชื่อ โดยปธน.ทรัมป์ไม่น่าจะยากลำบากมากนักเมื่อพูดถึงโครงสร้างพื้นฐาน"
เขากล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ จำเป็นต้องกดดันให้สภาคอสเกรสเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปและลดภาษี ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับภาคธุรกิจ เขากล่าวว่า "ปธน.ทรัมป์จำเป็นต้องเน้นย้ำว่ากระบวนการดังกล่าวจะเกิดความก้าวหน้า"
นอกจากนี้ นายวัลลิเยร์ยังกล่าวเสริมว่า ปธน.ทรัมป์ต้องลดท่าทีปกป้องทางการค้าด้วย เนื่องจากเป็นประเด็นที่สร้างความวิตกกังวลในภาคธุรกิจ เพราะประเทศที่ตกเป็นเป้าของสหรัฐอาจโต้กลับ
สำนักข่าวซินหัวรายงาน บทวิเคราะห์โดยแมททิว รัสลิง