เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐสภาอังกฤษมีมติโหวตคว่ำข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งเป็นการโหวตคว่ำข้อตกลงเป็นครั้งที่ 3 นับแต่การโหวตข้อตกลงการถอนตัว (Withdrawal Agreement) ซึ่งกำหนดเงื่อนไขการออกจากสหภาพยุโรป (EU) เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
- ความพ่ายแพ้ครั้งที่ 3
สมาชิกรัฐสภาอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 344 ต่อ 286 เสียง คว่ำร่างข้อตกลง Brexit โดยขณะนี้อังกฤษกำลังเผชิญความเป็นไปได้ที่จะออกจาก EU โดยไม่มีข้อตกลง (No Deal Brexit) ในวันที่ 12 เม.ย.นี้ เว้นแต่นางเมย์จะสามารถทำข้อตกลงใหม่กับ EU ได้ โดยเหล่าผู้นำ EU มีกำหนดจัดการประชุมสุดยอดในวันที่ 10 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ การโหวตเหลือเพียงอีก 1 ครั้ง และความพ่ายแพ้ก็จะเกิดขึ้นอีกเพียง 1 ครั้ง ขณะที่ความวุ่นวายและไม่แน่นอนในประเทศยังคงดำเนินต่อไป
ความพ่ายแพ้ครั้งที่ 3 ของนางเมย์เกิดขึ้นแม้ว่านางเมย์เสนอว่าจะลาออกจากตำแหน่งถ้าข้อตกลงครั้งนี้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
ข้อเสนอดังกล่าวของนางเมย์ไม่สามารถคว้าเสียงสนับสนุนให้ข้อตกลง Brexit ของเธอได้เพียงพอ แม้ว่าผลต่างของคะแนนนั้นจะน้อยลงเรื่อยๆ ในการโหวต 3 ครั้งในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
ข้อตกลงถอนตัว ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เกิดระหว่างอังกฤษกับ EU เมื่อเดือนพ.ย. 2561 ที่ผ่านมา หลังการเจรจาต่อรองอันยาวนานและยากลำบาก ได้ถูกปฏิเสธจากสภาสามัญชนด้วยผลต่างคะแนนเสียง 230 เสียงในการลงมติวันที่ 16 ม.ค. และ 149 เสียงในการลงมติวันที่ 12 มี.ค. และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมาด้วยผลต่างคะแนนเสียง 58 เสียง
สมาชิกรัฐสภาพรรคอนุรักษ์นิยมที่ไม่ใช่รัฐมนตรีตำแหน่งสำคัญซึ่งอยู่ฝ่ายสนับสนุนร่างข้อตกลง Brexit แต่ได้โหวตค้านนางเมย์ในการลงมติ 2 ครั้งแรกนั้น ได้ย้ายข้างมาสนับสนุนร่างข้องตกลง Brexit ระหว่างการอภิปรายในสภา หลังนางเมย์ตกลงที่จะยอมลาออกจากตำแหน่งหากมีการรับรองข้อตกลงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม พรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ยังคงไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงจุดยืนทางการเมืองในเรื่องข้อตกลงนี้ และสมาชิกสภา 10 รายจากพรรคสหภาพประชาธิปไตย (DUP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาจากไอร์แลนด์เหนือยังคงยืนยันที่จะโหวตคว่ำร่างข้อตกลงเหมือนใน 2 ครั้งแรก
ดังนั้น จึงไม่เพียงพอที่จะรับรองเสียงข้างมากให้กับนางเมย์ ซึ่งได้พยายามอย่างมากที่จะรักษาข้อตกลง Brexit ไว้
- มีโอกาสที่จะไม่มีข้อตกลงจริงๆ
หลังการลงมติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นางเมย์กล่าวในสภาสามัญว่า "การแสดงเจตนาของรัฐสภานั้น เป็นเรื่องน่าเศร้า ดิฉันเกรงว่าเรากำลังถึงทางตันของกระบวนการดังกล่าวในสภาแห่งนี้"
ขณะเดียวกัน นางเมย์ได้ให้คำมั่นที่จะผลักดันเพื่อให้เกิด Brexit ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของผลการลงประชามติ
ทางด้านนายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงาน ได้ออกมาเรียกร้องให้นางเมย์ลาออกและจัดการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ โดยข้อเรียกร้องของนายคอร์บินนั้นได้รับการขานรับจากสมาชิกสภาจากพรรคอื่นๆ
จากผลการลงมติครั้งล่าสุด ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า มีโอกาสที่จะเกิดการแยกตัวโดยไม่มีข้อตกลง แม้ว่าสภาจะมีมติโหวตคว่ำ Hard Brexit หรือการออกจากสหภาพยุโรปแบบแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและไม่ประนีประนอมไปแล้วก็ตาม
นางเมย์เตือนว่า มีเวลาไม่พอที่จะทำข้อตกลงใหม่กับทาง EU ภายในเวลาเพียงแค่ 14 วันก่อนจะถึงกำหนด Brexit ใหม่ และสภาต้องตัดสินใจว่าอังกฤษจะเข้าร่วมในการเลือกตั้งสภายุโรปที่มีกำหนดในวันที่ 23-26 พ.ค.หรือไม่
ตามกำหนดเดิมนั้น สหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปในวันที่ 29 มี.ค. โดยตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้อังกฤษเข้าร่วมในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ กำหนดการ Brexit ใหม่นั้นจะเป็นต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากสมาชิก EU 27 ประเทศ
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการลงประชามติของสภาอังกฤษครั้งล่าสุด นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่ามีแนวโน้มที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 12 เม.ย.โดยไม่มีข้อตกลง
ความไม่แน่นอนยังคงอยู่
ความพ่ายแพ้ครั้งที่ 3 ของนางเมย์ เกิดขึ้นในวันที่สหราชอาณาจักรควรจะออกจาก EU ซึ่งเป็นกลุ่มทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในทางกลับกัน กลับเป็นวันที่มีการเดินขบวนประท้วง เต็มไปด้วยความโกรธและเสียงตำหนิจากกลุ่มผู้สนับสนุน Brexit หลายพันคนที่ได้ออกมารวมตัวกันในจัตุรัสใกล้รัฐสภาเป็นหลายชั่วโมงก่อนหน้าการลงมติ เพื่อให้รัฐสภาได้ยินเสียงของพวกเขา แม้ในวันพุธที่ผ่านมา สมาชิกสภาอังกฤษได้มีมติที่จะเปลี่ยนวัน Brexit เดิมจาก 29 มี.ค. เป็นวันที่ 12 เม.ย. หรือ 22 พ.ค.แล้วก็ตาม
ไนเจล ฟาราจ นักจัดรายการและหัวหน้าพรรค Brexit ได้กล่าวในการชุมนุมว่า "ประวัติศาสตร์จะจดจำไว้ว่าวันนี้เป็นวันแห่งการทรยศครั้งใหญ่"
การลงประชามติเมื่อวันศุกร์ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความพยายามและการทดสอบ สมาชิกสภาอังกฤษเตรียมจัด "การโหวตหยั่งเสียง" ขึ้นในวันนี้เพื่อหาเสียงส่วนใหญ่ในสภา โดยมีเป้าหมายที่จะผ่าทางตันของกระบวนการ Brexit ในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน การลงมติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้เพิ่มโอกาสที่การแยกตัวจะล่าช้าขึ้นอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้นางเมย์ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการเลื่อน Brexit ออกไปอีก โดยกล่าวว่าเธอต้องการเพียงการขยายกระบวนการ Brexit ที่เวลาสั้นและเป็นไปตามหลักการเท่านั้น
บทวิเคราะห์โดย Gu Zhenqiu และ Gui Tao
สำนักข่าวซินหัวรายงาน