สำนักข่าวซินหัวรายงานบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ระหว่างวันที่ 5-8 ก.พ. โดยปี 2568 ถือเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย จึงคาดว่าการเดินทางเยือนครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งรวมถึงการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย และเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีนในการเดินทางมายังประเทศไทย
- เสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคี
การเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการของน.ส.แพทองธารในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เข้าทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคม 2567 โดยหลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยได้ไม่นาน น.ส.แพทองธารได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเน้นย้ำว่ามิตรภาพระหว่างสองประเทศตั้งอยู่บนพื้นฐานของ "ความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งการมีวิสัยทัศน์ร่วมกันเช่นนี้จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้า ตลอดจนสายสัมพันธ์ฉันครอบครัวระหว่างประชาชนของเรา"
ซินหัวรายงานว่า ในการกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคาร (4 ก.พ.) น.ส.แพทองธารระบุว่า การเยือนจีนครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน รวมทั้งเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต และเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรจีนซึ่งเปิดเผยในเดือนม.ค.ระบุว่า จีนเป็นหนึ่งในแหล่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ใหญ่ที่สุดของไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศมีมูลค่าสูงถึง 1.3398 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า การลงทุนของจีนในภาคส่วนสำคัญ ซึ่งรวมถึงอิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ศูนย์ข้อมูล และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นั้น มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมและลำดับความสำคัญของรัฐบาลไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งระหว่างสองประเทศ
นายนฤตม์ยังได้ระบุถึงภาคยานยนต์ว่าเป็นตัวอย่างความสำเร็จของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีน โดยกล่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายรายได้เลือกไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศยานยนต์ในประเทศไทยด้วยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการผลิตและห่วงโซ่อุปทานสำหรับ EV และชิ้นส่วน EV
ดร.วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีน กล่าวว่า จีนและไทยจำเป็นต้องกำหนดพื้นที่ใหม่ ๆ สำหรับการเติบโตในแง่ของการลงทุนและการค้า
"อนาคตของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนอยู่ที่กำลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง พลังงานหมุนเวียน และเศรษฐกิจดิจิทัล โดยคาดว่านวัตกรรมและการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและมีมูลค่าเพิ่มสูงนั้น จะเป็นทิศทางสำคัญสำหรับทั้งสองประเทศในอนาคต" ดร.วิรุฬห์กล่าว
*การฟื้นฟูความเชื่อมั่นในหมู่นักท่องเที่ยวจีน
ส่วนอีกจุดมุ่งหมายหนึ่งในการเยือนจีนของน.ส.แพทองธาร คือ การเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน (people-to-people exchanges) และส่งเสริมการท่องเที่ยวจีนในไทย
ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน ความเป็นหุ้นส่วนของทั้งสองประเทศได้ขยายครอบคลุมถึงการค้า การศึกษา และวัฒนธรรม โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยในปี 2567 ที่ผ่านมานั้นทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงยกเว้นวีซ่าเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน
ในข้อความวิดีโออวยพรเทศกาลตรุษจีนที่ส่งให้กับสำนักข่าวซินหัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ น.ส.แพทองธารได้เน้นย้ำถึงสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมอันยาวนานระหว่างสองประเทศ และแสดงความเชื่อมั่นว่ามิตรภาพและความร่วมมือจะยังคงแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ
เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดเหตุการณ์นักแสดงชาวจีนหายตัวในประเทศไทยและได้สร้างความกังวลเป็นวงกว้าง ซึ่งน.ส.แพทองธารได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้พบตัวนักแสดงชาวจีนคนดังกล่าวและส่งกลับจีนอย่างปลอดภัย นับตั้งแต่นั้น นายกรัฐมนตรีไทยได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและการรับรองความปลอดภัยของผู้มาเยือนจากต่างประเทศหลายครั้ง
ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา สำนักนายกรัฐมนตรีได้เผยแพร่วิดีโอที่สร้างด้วย AI ซึ่งแสดงให้เห็นภาพของน.ส.แพทองธารพูดภาษาจีนเพื่อคลี่คลายความกังวลเกี่ยวกับชาวจีนที่ถูกหลอกให้เข้าร่วมในการขบวนการหลอกลวงในพื้นที่ชายแดน โดยนายกรัฐมนตรีของไทยให้ความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความร่วมมือ ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย และต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลของทางการไทยระบุว่า ในปี 2567 ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 35 ล้านคน ซึ่งจีนเป็นแหล่งที่มาของนักท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุด โดยมีจำนวนมากกว่า 6.7 ล้านคน
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อเศรษฐกิจไทย โดยการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการจ้างงานของไทยเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาหลายภาคที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ เช่น การเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย