แม้ว่านายดัดลีย์ไม่ได้ระบุถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อแนวโน้มนโยบายการเงินในอนาคต แต่คำกล่าวของเขาก็ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายดัดลีย์กล่าวสุนทรพจน์ที่ควีนส์ คอลเลจในนิวยอร์กว่า “ผมต้องยอมรับว่าผมกำลังมีความหวังมากขึ้น"
“ไม่เพียงแต่เราจะมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ปัญหาด้านการคลังที่ได้ฉุดรั้งเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ก็มีแนวโน้มจะบรรเทาลงอย่างมากด้วยในช่วงหลายปีข้างหน้า ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ปัจจัยพื้นฐานที่หนุนเศรษฐกิจกำลังปรับตัวดีขึ้น"
ประธานเฟดนิวยอร์กกล่าวว่า “ขณะที่การขยายตัวกระเตื้องขึ้น ผมคาดว่าสถานการณ์ในตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก และจะช่วยหนุนเงินเฟ้อให้กลับมาสู่อัตราเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้อย่างค่อยเป็นค่อยไป"
นายดัดลีย์ได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าว ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนมากคาดว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่ปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันและความไม่แน่นอนที่เป็นผลเรื้อรังมาจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วน หรือ การชัตดาวน์ ในเดือนต.ค.นั้น จะกดดันให้เฟดเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนไปจนกว่าจะถึงต้นปีหน้า ก่อนจะลดสัดส่วนการซื้อลง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดได้ส่งผลให้นักวิเคราะห์บางส่วนประเมินว่าเฟดอาจชะลอมาตรการกระตุ้นทางการเงินเร็วกว่านั้น โดยอาจจะมีขึ้นในการประชุมกำหนดนโยบายครั้งหน้าที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ธ.ค.